หมอทวีศิลป์ วอน คนไทย ร่วมกัน 100% อึด ฮึด สู้ ต้านโรวิด-19 – ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ชี้ไม่สามารถปิดประเทศได้ แต่ต้องรับมือคุมผู้ป่วยอยู่ในวงจำกัด
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่เตรียมผ่อนคลายเพิ่มเติม เพื่อที่จะเปิดประเทศทำให้เศรษฐกิจคล่องตัวมากขึ้น ศบค. ประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 อย่างไร หรือจะสามารถปิดประเทศเลยได้หรือไม่ ว่า กรณีปิดประเทศนั้นทำไม่ได้แน่นอน เพราะเป็นหนทางที่โลกเราต้องทำงานทำการค้า ซึ่งกันและกันเปรียบเหมือนกับการปิดบ้านถ้าเราปิดบ้านแล้วล็อคเลยจะอยู่ได้อย่างไร คงลำบาก จะไม่ให้มีการไปมาหาสู่กันเลยคงไม่มีทาง เป็นไปได้ เหมือนกับประเทศไทยขณะนี้เราต้องมีคนเข้ามาทำงานและออกไปทำงาน ดังนั้นชัดเจนว่าไม่สามารถปิดประเทศได้
ส่วนกรณีการ ปิดเฉพาะที่ เราก็ต้องทำความรู้กันก่อนว่าการติดเชื้อกับการระบาดของเชื้อนั้นแตกต่างกัน ซึ่งการติดเชื้อเราสามารถรู้ได้เร็วเหมือนกรณีอียิปต์ กับซูดาน เมื่อรู้แล้วสามารถจำกัดขอบเขตได้ การระบาดยังไม่เกิดขึ้น หรือถ้าจะมีการระบาดเราก็สามารถขีดวงได้ ดังนั้น ธรรมชาติของโรคมีช่วงเวลาของเขาอยู่ซึ่งถ้าเรารู้เร็ว มีช่วงเวลาจำกัดขอบเขต ขีดวง และทีมของสาธารณสุขเข้าไปจัดการได้อย่างรวดเร็ว ก็สามารถจัดการได้ และเมื่อติดเชื้อแล้วเกิดการระบาดก็เกิดขึ้นได้เพราะเป็นธรรมดาของโรค
ตัวเลขของประเทศไทยที่พอรับได้ของการติดเชื้อ ที่เราเคยสูงสุด 180 คน นักวิชาการก็ไม่ต้องการให้สูงเกิน 1 ใน 5 คือประมาณ 30 คนถึง 50 คนน่าจะเป็นตัวเลขที่พอได้เพียงแต่เรายังไม่ได้สรุป ศบค. ชุดเล็กจะต้องให้นักวิชาการทางด้านการแพทย์ไปประชุมศึกษาและพูดคุยกันก่อนว่าถ้าเรามีบุคลากรทางการแพทย์และเตียงอยู่ขนาดนี้
ถ้ามีผู้ป่วยวันละ 30 ถึง 50 คนสะสมไปเรื่อยๆ ระยะของโรค 14 วัน เราจะประเมินอย่างไร เตียงเต็มหรือไม่รองรับได้หรือไม่ ตัวเลขอยู่ที่ตรงไหนที่จะสามารถสะสมรายวันได้ เพราะจะให้มากวันละ 300 ถึง 400 คนเหมือนญี่ปุ่นขนาดนี้คงไม่ไหว หรือที่สหรัฐอเมริกาวันนึงหลาย 1,000 ถึง 10,000 ก็คงไม่ไหว ตอนนี้ของเราตัวเลขซักสองหลังโดยประมาณก็คงไหว และให้เศรษฐกิจเดินไม่ได้การควบคุมโรคทำได้เราต้องทำให้เกิดความสมดุลย์ของทั้งสองอย่างให้เกิดขึ้น แล้วจะได้อยู่กับโลกนี้ไปได้สักระยะหนึ่ง
โฆษกศบค.กล่าวว่า ขอให้ประชาชนทุกคนเรียนรู้และดูแลสุขภาพตัวเองสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมาตนพูดย้ำเสมอในฐานะจิตแพทย์ว่าตัวเองก็ได้เรียนรู้วิกฤติครั้งนี้หนักหนาสาหัสของโลก หนักสาหัสสำหรับพวกเราและแม้แต่ผมเอง ที่มารับบทบาทหน้าที่ตรงนี้อยู่ หลายครั้งที่นางอ่านสถิติดูแล้วก็นึกถึงว่าเมื่อไหร่เราจะจบงานนี้ได้เราจะได้พักแต่ดูแล้วคงไม่ได้เร็วนี้แน่
สิ่งที่จะได้กลับมาก็คือความรู้สึกที่จะต้อง อึด ฮึด สู้ ซึ่งเป็นคำของกรมสุขภาพจิตที่คิดคำนี้กันมานานหลายปีในวิกฤตทุกวิกฤตที่ผ่านมา อึด คือการอดทนให้ได้นานที่สุด เท่าที่จะนานได้และใช้สรรพกำลังทุกคนช่วยกันอดทน สิ่งที่เกิดขึ้นในปฏิกิริยาของความตื่นตระหนก ตกใจกลัวนั้นเป็นเรื่องปกติทั้งนั้น
ดังนั้นเราต้องร่วมกันอึดและควบคุมอารมณ์ด้วยจึงจะรวมกันเป็นหนึ่ง เชื้อโรคนั้นเรามองไม่เห็นแต่เค้าใช้พวกเราเป็นพาหะซึ่งกันและกันดังนั้นทุกคนต้องรับรู้และอึดไปด้วยกันและฮึดสู้ การฮึด ก็คือการลุกขึ้นมาอีกรอบหนึ่งถึงแม้ตอนนี้เศรษฐกิจที่ลงมาทำให้เราใจเสียทำให้เราไม่สบายใจแต่ก็ต้องลุกขึ้นมาฮึดแล้วสู้กับมัน ร่วมใจกันเป็นหนึ่งเท่านั้นที่จะทำให้เราช่วยกันผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ คนใดคนหนึ่งทำเองก็ไม่ได้ต้อง 90% ของทั้งประเทศด้วยกันทั้งหมดทุกคนที่จะต้องอึด ฮึด สู้ ไปด้วยกันและถ้าได้ 100%ก็ยิ่งดี เราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันไม่ว่าจะยาวนานแค่ไหนความสำเร็จรออยู่ข้างหน้า
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ