คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. 31 คนเรียกร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการคดี”บอส อยู่วิทยา”อย่างละเอียด
เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ดร.มุนินทร์ พงศาปาน คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์เฟซบุ๊ก Munin Pongsapan ระบุว่า ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการยุติการดำเนินคดีอาญากับนายวรยุทธ อยู่วิทยา ซึ่งถูกตั้งข้อหาเป็นคดีอาญา 5 ข้อหา รวมถึงข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยที่ทั้ง 5 ข้อหานี้ หากมีการดำเนินคดีอาญาและต่อสู้คดีกันตามปกติ แม้พิสูจน์ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดจริง ก็มีโอกาสที่ศาลจะพิพากษารอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษ อย่างไรก็ตามปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีความพยายามในการช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจที่ดียิ่งให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีมาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนที่ให้การช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาถูกลงโทษทางวินัย ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาเองได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศและไม่ได้กลับมาต่อสู้คดีตามปกติเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานหลายปี ข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเหตุให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความโปร่งใสและประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และคอยติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดีด้วยความวิตกกังวลอย่างยิ่ง
แม้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าการดำเนินคดีและผลของคดีอาญาในคดีจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของประเทศในภาพรวม การดำเนินคดีอาญาในคดีนี้กลับเป็นไปด้วยความล่าช้าจนทำให้คดีขาดอายุความไป 3 ข้อหา ในขณะที่ข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นข้อหาที่อุกฉกรรจ์ที่สุดในบรรดาข้อหาทั้งหมดและเจ้าพนักงานยังมีโอกาสพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหาไปจนถึงปี 2570 สำนักงานอัยการสูงสุดกลับมีคำสั่งไม่ฟ้อง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว ทั้งที่ได้เคยมีการออกหมายจับไปแล้วก่อนหน้าและมีการแจ้งให้สาธารณชนทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่าอยู่ระหว่างการดำเนินคดี โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผลให้ประชาชนทราบอย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงคำสั่งและดุลยพินิจ ซ้ำร้ายสังคมกลับทราบข่าวการสั่งไม่ฟ้องจากสื่อต่างประเทศ นอกจากนี้รายงานการตรวจพบสารเสพติดในตัวผู้ถูกกล่าวหาซึ่งปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยการใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาผู้ถูกกล่าวหาในข้อหาขับรถขณะเมาสุราที่ได้ยุติไปก่อนหน้าและการไม่ดำเนินคดีอาญาใดๆ ที่เกี่ยวข้องการตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย
ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการยุติการดำเนินคดีอาญากับนายวรยุทธ อยู่วิทยา ซึ่งถูกตั้งข้อหาเป็นคดีอาญา 5 ข้อหา รวมถึงข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยที่ทั้ง 5 ข้อหานี้ หากมีการดำเนินคดีอาญาและต่อสู้คดีกันตามปกติ แม้พิสูจน์ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดจริง ก็มีโอกาสที่ศาลจะพิพากษารอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษ อย่างไรก็ตามปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีความพยายามในการช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจที่ดียิ่งให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีมาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนที่ให้การช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาถูกลงโทษทางวินัย ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาเองได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศและไม่ได้กลับมาต่อสู้คดีตามปกติเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานหลายปี ข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเหตุให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความโปร่งใสและประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และคอยติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดีด้วยความวิตกกังวลอย่างยิ่ง
แม้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าการดำเนินคดีและผลของคดีอาญาในคดีจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของประเทศในภาพรวม การดำเนินคดีอาญาในคดีนี้กลับเป็นไปด้วยความล่าช้าจนทำให้คดีขาดอายุความไป 3 ข้อหา ในขณะที่ข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นข้อหาที่อุกฉกรรจ์ที่สุดในบรรดาข้อหาทั้งหมดและเจ้าพนักงานยังมีโอกาสพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหาไปจนถึงปี 2570 สำนักงานอัยการสูงสุดกลับมีคำสั่งไม่ฟ้อง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว ทั้งที่ได้เคยมีการออกหมายจับไปแล้วก่อนหน้าและมีการแจ้งให้สาธารณชนทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่าอยู่ระหว่างการดำเนินคดี โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผลให้ประชาชนทราบอย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงคำสั่งและดุลยพินิจ ซ้ำร้ายสังคมกลับทราบข่าวการสั่งไม่ฟ้องจากสื่อต่างประเทศ นอกจากนี้รายงานการตรวจพบสารเสพติดในตัวผู้ถูกกล่าวหาซึ่งปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยการใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาผู้ถูกกล่าวหาในข้อหาขับรถขณะเมาสุราที่ได้ยุติไปก่อนหน้าและการไม่ดำเนินคดีอาญาใดๆ ที่เกี่ยวข้องการตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย
แม้ว่าตามกฎหมาย พนักงานอัยการจะมีดุลยพินิจในการสั่งคดีไม่ว่าจะเป็นการสั่งฟ้องหรือการสั่งไม่ฟ้องบนพื้นฐานของ “พยานหลักฐาน” ว่าพอเพียงที่จะดำเนินคดีหรือไม่และรับฟังได้เพียงใด หรือบนพื้นฐานของ “ประโยชน์สาธารณะ” แต่การใช้ดุลยพินิจดังกล่าวจะต้องมี “เหตุผล” ที่หนักแน่น โดยเฉพาะคดีที่มีผลกระทบอย่างยิ่งต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างเช่นคดีนี้ ยิ่งต้องแสดงเหตุผลที่หนักแน่นมากเป็นพิเศษเพื่อแสดงให้เห็นถึงการดำเนินคดีอาญาที่โปร่งใส เป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยคลายความวิตกกังวลของสาธารณชน อย่างไรก็ตามตั้งแต่เริ่มมีการดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาเมื่อปี 2555 จวบจนปัจจุบัน ความเคลือบแคลงสงสัยของสังคมมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่คำชี้แจงหรือคำอธิบายต่อการดำเนินการและผลทางคดีกลับไม่ชัดเจน ไม่มีเหตุผลหนักแน่นเพียงพอ และบางครั้งมีความขัดแย้งกันเอง สร้างความไม่พอใจและเสื่อมศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของนานาชาติ
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าสังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมที่เหลื่อมล้ำและเลือกปฏิบัติเพราะเหตุของความแตกต่างทางเศรษฐกิจและสถานะทางสังคม จนเกิดวาทกรรม “คุกมีไว้ขังคนจน” ในขณะที่บุคลากรส่วนใหญ่ในกระบวนการยุติธรรมและผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายพยายามอย่างยิ่งในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและพยายามกอบกู้ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมถึงการดำเนินคดีอาญาต่อนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทำให้ความพยายามดังกล่าวไร้ความหมายในสายตาของประชาชาชน และการวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมที่มีต่อองค์กรและบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมบั่นทอนกำลังใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม
เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักความเสมอภาคภายใต้กฎหมายและหลักนิติรัฐ เพื่อกอบกู้ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย และเพื่อรักษากำลังใจของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมและด้วยความภาคภูมิใจ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดังมีรายนามข้างท้าย ขอเรียกร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการดังต่อไปนี้โดยเร็ว 1. ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการคดีอาญากับนายวรยุทธ อยู่วิทยา โดยละเอียดและอธิบายเหตุผลอย่างชัดเจนถึงผลของคดีที่ขาดอายุความและการใช้ดุลยพินิจไม่ฟ้องคดีอาญา และ 2. ตรวจสอบว่าการดำเนินการและการใช้ดุลยพินิจดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย สุจริตและโปร่งใสหรือไม่ และหากพบว่ามีการดำเนินการหรือการใช้ดุลยพินิจในขั้นตอนใดไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่สุจริต หรือไม่โปร่งใส ให้พิจารณาดำเนินการและใช้ดุลยพินิจใหม่ให้ถูกต้อง
27 กรกฎาคม 2563
คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
1.รองศาสตราจารย์ ดร.มุนินทร์ พงศาปาน2. รองศาสตราจารย์ ดร.สุปรียา แก้วละเอียด3. รองศาสตราจารย์ ดร.ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์4. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รณกรณ์ บุญมี5. รองศาสตราจารย์ ดร.นิรมัย พิศแข มั่นจิตร6. รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ วรปัญญาอนันต์7. รองศาสตราจารย์ ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตราสายสุนทร8. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพร โพธิ์พัฒนชัย9. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทวีศักดิ์ เอื้ออมรวนิช10. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอมผกา เตชะอภัยคุณ11. อาจารย์ปวีร์ เจนวีระนนท์12. อาจารย์เอื้อการย์ โสภาคดิษฐพงษ์13. อาจารย์เฉลิมวุฒิ ศรีพรหม14. อาจารย์ภัทรพงษ์ แสงไกร
15. ผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติพงศ์ กมลธรรมวงศ์16. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล17. ศาสตราจารย์ ดร.อุดม รัฐอมฤต18. ศาสตราจารย์ ดร.สุเมธ ศิริคุณโชติ19. อาจารย์ปทิตตา ไชยปาน20. อาจารย์อัครวัฒน์ เลาวัณย์ศิริ21. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มาตาลักษณ์ เสรเมธากุล22. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กรศุทธิ์ ขอพ่วงกลาง23. อาจารย์สุรศักดิ์ บุญญานุกูลกิจ24. อาจารย์พวงรัตน์ ปฐมสิริรักษ์25. อาจารย์ ดร.นัษฐิกา ศรีพงษ์กุล26. อาจารย์จุฑามาศ ถิระวัฒน์27. อาจารย์ปรียาภรณ์ อุบลสวัสดิ์28. อาจารย์กรกนก บัววิเชียร29. อาจารย์กีระเกียรติ พระทัย30. อาจารย์เมษปิติ พูลสวัสดิ์ 31. อาจารย์กิตติภพ วังคำ
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ