รัฐบาลเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า จะไม่แนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเพื่อชะลอการแพร่กระจายของโควิด-19 โดยยืนยันว่าประสิทธิภาพการป้องกันยังไม่ได้รับการพิสูจน์
เมื่อวาน (29 ก.ค.) ทามารา แวน อาร์ก (Tamara van Ark) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเนเธอร์แลนด์ ประกาศไม่แนะนำให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันโควิด-19 ระบาด หลังได้รับการตรวจสอบจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (RIVM)
แวน อาร์ก ระบุว่า รัฐบาลจะยึดแนวทางการใช้มาตรการทางสังคมเป็นหลักในการรับมือการระบาดของโควิด-19 หลังจากที่มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นในประเทศในสัปดาห์นี้
“เนื่องจากจากมุมมองทางการแพทย์ยังไม่มีการพิสูจน์ประสิทธิผลของหน้ากากอนามัย คณะรัฐมนตรีจึงได้ตัดสินใจว่าจะไม่บังคับประชาชนสวมหน้ากากอนามัย” แวน อาร์ก กล่าว
การตัดสินใจของเนเธอร์แลนด์ในครั้งนี้ต่างจากประเทศอื่น ๆ ในยุโรปที่มีมาตรการบังคับใส่หน้ากากในร้านค้า หรือพื้นที่กลางแจ้งที่แออัด
(Jaap van Dissel) หัวหน้าสถาบัน RIVM กล่าวว่า องค์กรตระหนักดีถึงการศึกษาต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า หน้ากากอนามัยช่วยชะลอการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ได้ แต่ไม่เชื่อว่ามันจะช่วยได้ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในเนเธอร์แลนด์
เขาแย้งว่า การใส่หน้ากากไม่ถูกต้อง และการปฏิบัติตามมาตรการทางสังคมที่แย่ลง สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 “ดังนั้นเราคิดว่าถ้าคุณจะใช้หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ … คุณจะต้องฝึกอบรมให้ดีเสียก่อน”
ปัจจุบันเนเธอร์แลนด์มีมาตรการบังคับสวมใส่หน้ากากอนามัยเฉพาะในระบบขนส่งสาธารณะและในสนามบินเท่านั้น
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการประชุมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น จนมีผู้ป่วยสะสมเป็น 1,329 คนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยผู้ป่วยโควิด-19 ชาวเนเธอร์แลนด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลประกาศผ่อนปรนมาตรการ เปิดร้านอาหาร และอนุญาตการรวมกลุ่มในที่สาธารณะหากผู้คนรักษาระยะห่าง 1.5 เมตร
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ