ผบ.ทบ.ไม่ค้านแก้ไขรธน. ชี้ เป็นกลไกทางการเมือง ยันไม่คิดเป็นศัตรูกับประชาชน ด้าน “ธนาธร” โชว์หลักฐานกลางห้องประชุมชี้ มีการใช้ปฏิบัติการไอโอจริง แต่ไม่ปรากฎว่าใช้งบส่วนไหนของกองทัพ ด้านผบ.ทบ.ยันไม่เคยใช้ภาษีปชช.คุกคามปชช. ย้อน “อีก 50 วันก็ไม่เห็นผมแล้ว”
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่รัฐสภา มีการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ในส่วนของกระทรวงกลาโหม ที่เป็นงบของกองทัพบก จำนวน 107,600 ล้านบาทเศษ โดยพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เข้าชี้แจงรายละเอียดของงบประมาณในส่วนของกองทัพว่ามีแนวทางการปฏิรูปที่ชัดเจน โดยจัดหายุทโธปกรณ์ที่มีความทันสมัย และใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริม แทนการใช้กำลังพลที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งได้ปรับลดอัตรากำลังพลลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้แก้ไขระเบียบที่ไม่จำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ทั้งนี้ยอมรับว่าในอดีต ผบ.ทบ.บางคน อาจจะไม่เด็ดเดี่ยวพอ จึงไม่กล้าปรับเปลี่ยน แต่เมื่อกมธ.ฯ ได้ให้ข้อคิดเห็นต่างๆไป ตนก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง เช่น กรณีสวัสดิการบ้านพัก ที่ได้ปรับแก้ให้บุคคลที่เกษียณอายุแล้ว ต้องออกจากบ้านพักทหาร
ขณะที่กมธ. ได้ซักถามกรณีธุรกิจภายในกองทัพ รวมถึงแนวทางการปฏิรูปที่ยังไม่มีความชัดเจน จึงอยากให้กองทัพนำไปปรับแก้ไข เพื่อให้งบประมาณที่ได้รับไปสอดคล้องกับความเป็นจริงด้วย
ทั้งนี้ในประชุม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะกมธ. ได้สอบถามความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพล.อ.อภิรัชต์ ชี้แจงว่า ได้พูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ ว่าเราเป็นทหารที่มีประชาธิปไตย เราต้องคิดใหม่ ต้องค่อยๆเปลี่ยนวัฒนธรรมของเรา ยืนยันว่าไม่คิดที่จะเป็นศัตรูกับประชาชน เพราะทหารก็ถือเป็นประชาชนคนหนึ่ง เพราะเมื่อเรากลับไปบ้านก็เจอกับครอบครัวที่เป็นประชาชน จึงทำให้เข้าใจถึงความเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในถึงภายนอก แม้มีบางครั้งอาจจะมีวาทะหรือคำพูดบางอย่างออกไป ก็ถือเป็นบทบาทหน้าที่ และในฐานะประชาชนและข้าราชการ ตนไม่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกลไกทางการเมือง ที่สภาผู้แทนราษฎรจะต้องเสนอผ่านกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็ยินดีที่จะเปิดให้มีการแก้ไขเป็นไปตามกฏหมาย
“เป็นการหารือกันระหว่างผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหมดว่าเราถูกตั้งเป็นส.ว. เราต้องปฏิบัติในฐานะหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เราคุยกันว่าไม่ควรรับเงินเดือน 2 ทาง ในฐานะข้าราชการประจำเพราะเป็นคำสั่ง นอกจากไม่รับยังคืนเงิน และยังชักเนื้อ 1,000-2,000 บาท เก็บเงินเข้าสวัสดิการ ส.ว. เราในฐานะประชาชนและข้าราชการ เราก็ยินดี ไม่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีท่านก็พูดออกมาเอง ท่านก็ยินดีตามกระบวนการ จะตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมา ผมเรียนให้ท่านกรรมาธิการทราบเมื่อถามมาในฐานะส่วนตัวผมก็ตอบส่วนตัวแบบนี้” ผบ.ทบ. กล่าว
จากนั้นในช่วงบ่าย ในระหว่างการพิจารณางบของกองทัพนั้น นายธนาธร จึงรุงเรืองกิจ ที่ปรึกษากมธ.ได้สอบถาม พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ที่ระบุว่าทหารต้องเป็นประชาธิปไตย ยินดีที่พูดเช่นนี้ และดีใจที่มีกรรมาธิการฯสอบถามเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ผบ.ทบ.ไม่ตอบ หรือเป็นเพราะรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องของทหารหรือกองทัพ และเห็นว่าทหารประชาธิปไตยที่ดีต้องไม่ยุ่งเรื่องนี้ แม้จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องตอบ เพราะหากเห็นด้วยกับแนวทางหนึ่งแนวทางใด ก็จะทำให้ผบ.ทบ.ไม่เป็นกลางทันที และจะถูกอีกฝ่ายโจมตี จึงเป็นหลักการว่าเหตุใดกองทัพจึงพูดเรื่องการเมืองไม่ได้ เพราะเป็นหลักการประชาธิปไตย แต่เมื่อเช้ารองผบ.ทบ. ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาผบ.ทบ.กลับออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องการชุมนุมของนักศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้สัมภาษณ์ และถือว่าไม่เหมาะสม ขัดกับหลักการที่ผบ.ทบ.ให้ไว้ว่าทหารประชาธิปไตย
“ดังนั้นหากทหารไม่พูดเรื่องการเมืองจะทำให้สง่างามมาก และที่ผมพูดล้วนเป็นความหวังดี ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับกองทัพ แต่ในทางกลับกันผมอยากเห็นกองทัพพัฒนาไปในทางที่ดี หวังว่าสิ่งที่ผมพูดในวันนี้จะทำให้ ผบ.ทบ.เข้าใจผมมากขึ้นและนำไปสู่การปรับปรุงในกองทัพให้มากขึ้น” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร ยังได้สอบถามถึงการนำงบประมาณไปใช้ในปฏิบัติการไอโอ ที่เอามาใช้กับคนที่คิดต่างทางการเมือง ซึ่งตนมีเอกสารที่ยืนยันได้ว่ามีการนำงบประมาณไปใช้กับปฏิบัติการนี้ ดังนั้นขอให้ผบ.ทบ.และเจ้ากรมทหารบกช่วยตอบว่าเอางบจากส่วนไหนมาใช้ จะได้ตามไปตัดถูกในขั้นอนุกรรมาธิการ เพราะถือเป็นเครื่องมือทำร้ายกันทางการเมือง ไม่ควรทำ
ด้าน พล.อ.อภิรัชต์ ยืนยันว่า ไม่เคยนำภาษีประชาชนมาใช้เพื่อคุกคามประชาชนด้วยกันเอง เพราะทหารก็คือประชาชนเช่นกัน แต่ปฏิบัติการไอโอนั้นถูกนำมาใช้ในกรณีภัยคุกคามจากต่างประเทศ ส่วนงบประมาณที่ใช้ไม่ใช่งบประมาณด้านการข่าว แต่เป็นการใช้งบด้านสาธารณูปโภค เช่นการจ่ายค่าโทรศัพท์หรือค่าอินเตอร์เน็ต ส่วนการพูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้หวังให้เกิดความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้นเพราะตนก็คือประชาชนคนหนึ่ง
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการทุกเรื่องพยายามให้มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ แต่ต้องเข้าใจว่าการปฏิรูปองค์กรทุกอย่างต้องใช้เวลา จึงขอให้ทุกฝ่ายให้เวลากับกองทัพบกด้วย ส่วนการจัดซื้อยุทธโทปกรณ์ของกองทัพบกนั้นก็เป็นไปอย่างสมเหตุสมผล เพราะมีการลดกำลังพล แต่ไปเพิ่มในส่วนของยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันอธิปไตยของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในนามทหารของประชาชน
“ผมอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ. อีก 50 วันข้างหน้า คุณธนาธรคงไม่เห็นผมแล้ว แต่สิ่งที่ทำเป็นการเริ่มต้นเพื่อให้กองทัพ เป็นกองทัพของประชาชนและพัฒนาได้มากขึ้นและทุกครั้งที่มีการเชิญกองทัพมาชี้แจงไม่ว่าจะเป็นกรรมาธิการหรืออนุกมธ.ชุดไหน ผมไม่เคยปฏิเสธ และเชื่อว่าวันนี้ ทหารเข้าใจการเมือง แต่ประชาธิปไตยเสรีภาพต้องมีขอบเขตเช่นกัน เราไม่อยากจะแบ่งแยก เพราะเราอยู่ในบ้านเดียวกัน แม้ความเห็นต่างทางการเมือง และขอความกรุณากมธ. ช่วยพิจารณางบประมาณ เพราะกองทัพบกได้ตัดงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็นจริงๆออกไปแล้ว” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ