ดีอีเอส ยืนยัน “ไม่เลือกปฏิบัติ” แจ้งเตือนโซเชียล/ออนไลน์ ปิดกั้นเนื้อหาผิดกม. ขู่ครบคำสั่งศาล 15 วัน ต้องทำตามมิฉะนั้นทำตามกฎหมาย
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยในการแถลงข่าวการระงับการแพร่หลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ ว่า เป็นเรื่องที่ต้องชี้แจงในข้อกังวล ทราบว่าทุกคนให้ความสนใจกรณีที่เกิดขึ้น ส่วนของกระทรวงได้มีการดำเนินการทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมาย ตามกฎหมายที่มี และทำตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยครบถ้วน
เมื่อ 15 วันที่แล้ว ได้มีการทำหนังสือแจ้งเตือนไปยัง Facebook และแพลตฟอร์มอื่นๆ จำนวน 1,129 URL ที่มีความผิดตาม พรบ. คอม และขอให้ทางแพลตฟอร์มนำข้อความเหล่านั้นออกจากแพลตฟอร์ม ประกบด้วยคำสั่งศาล ซึ่งครบกำหนด 15 วัน เมื่อวานนี้ เมื่อวันอาทิตย์เฟซบุ๊กได้ทยอยลบ จนถึงวันนี้ ทาง เฟซบุ๊กลบให้ครบทุก URL
ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ มีที่ประชาชนแจ้งเข้ามาเพิ่มเติมอีก 5,943 รายการ ได้คัดกรองแล้วไม่เข่าข่าย 3,232 รายการ คัดกรองแล้ว มีการส่งศาล 1,781 รายการ 479 รายการ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 451 รายการ เราได้ปรับปรุงกระบวนการว่าเมื่อประชาชนร้องเรียนมา เราต้องรวบรวมส่งศาลภายใน 48 ชั่วโมง
ในวันนี้จะมีการนำส่งและเตือนแพลตฟอร์มต่างๆ 26 สิงหาคม จะมีการส่งคำสั่งศาลไป 1,024 รายการ 661 รายการ 289 twitter 69 รายการ ทุกอันมีคำสั่งศาลประกบ จะนับหนึ่งในวันนี้ ใน 15 วัน หากไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องมีการดำเนินคดี ที่ผ่านมา 1,129 รายการถูกลบหมด รวมถึง Royalist Marketplace
ต้องกราบเรียนว่า พรบ.คอมพิวเตอร์ และความผิดต่างๆ กระทรวงไม่ได้รังแกใคร แต่ใช้คำสั่งศาลภายใต้กฎหมายไทย ปกป้องอธิปไตยไซเบอร์ของไทย ซึ่งมาเร็วและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างต่อเนื่อง วันนี้จึงจำเป็นที่ต้องมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง ทุก URL ที่ส่งให้ดำเนินการเป็นคำสั่งของศาลประเทศไทย ไม่ใช่การตัดสินใจของกระทรวง
เช่นเดียวกันกับเฟซบุ๊กที่มี community หากมีคนขอลบก็จะมีกฏของ facebook ซึ่งเราก็มีกระบวนการของเราเช่นกัน เวลาต้องเร็วขึ้น ไม่ได้เป็นประเทศเดียวที่มีปัญหานี้ หลายๆ ประเทศก็มีปัญหาและอยู่ระหว่างการแก้ไข เรื่องการขอความระมัดระวังและขอความร่วมมือทุกภาคส่วน วันนี้มีการไล่ล่าคนที่คิดต่าง และละเมิดสิทธิ ซึ่งเป็นการไม่ใช้กระบวนการยุติธรรม เป็นการชวนกันไปถล่ม หรือกดดันจนต้องถูกถอดจากหน้าที่การงาน ซึ่งเป็นการลิดรอนสิทธิของคนอื่น แต่ที่เราทำวันนี้ เราไม่ได้ลิดรอนสิทธิของไทย เป็นการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม จากนี้หากมีการร้องเรียนในการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย การรวมกลุ่มไปรังแกและมีหลักฐานชัดเจน กระทรวงจะดำเนินการให้ชัดเจนและเร่งด่วน
ส่วน Royalist Market place ครั้งที่แล้วเราส่งที่ศาล หากเปิดใหม่ มีการกระทำที่ผิดกฎหมายอีก เราต้องดำเนินการอีก เป็นระบบที่เราต้องทำต่อไป โดยยึดมาตรฐาน หากมีการเปิดใหม่ หากมีการกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากไม่มีอะไรผิด ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินคดีใดๆ เรื่องการฟ้องของเฟซบุ๊กยังไม่ได้เห็นเอกสารอย่างชัดเจน ว่าจะดำเนินการอย่างไร ยังเป็นเพียงข่าว
แต่หากมีการดำเนินการฟ้องจริง ก็ต้องมีการชี้แจงและต่อสู้ตามกระบวนการยติธรรม ประเทศไทยทำตามกฎหมาย หากมีผู้กระทำผิด พวกเราในฐานะผู้รับผิดชอบ ก็ต้องดำเนินการ แต่เราไมได้ทำตามอำเภอใจ ทำตามกระบวนการตามกฎหมาย และเรามีการส่งจดหมายเตือน 2 ครั้ง เมื่อครบ 7 วันและ เมื่อครบกำหนด นอกจากเราทำเป็นระบบ เรายังให้โอกาส platform ในการให้ความร่วมมือกับเรา
ผมยังเชื่อว่าการฟ้องร้องอาจจะยังไม่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมา เราได้รับความร่วมมืออย่างดี ทั้งจาก facebook youtube หรือแม้กระทั่ง TikTok นอกจากนี้ ก็มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก แต่หากมีการดำเนินการเราก็พร้อมจะสู้เพราะเราเชื่อมั่นว่าเราดำเนินการตามกฎหมายของไทย ซึ่งเราไม่สามารถละเว้นได้ การที่บริษัทข้ามชาติจะตัดสินใจลงทุนในไทยเป็นสิทธิของบริษัทนั้นๆ
บริษัทเหล่านี้ไม่ได้ลงทุนแค่ในไทย แต่ทั่วโลก การตัดสินใจลงทุน ทุกบริษัทก็มีการตัดสินใจดีแล้ว ผมห้ามไม่ได้ว่าเขาจะอยู่หรือไป แต่เมื่ออยู่ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของไทย และในทางกลับกัน หากบริษัทเหล่านี้ถูกรังแก ไม่ได้รับความเป็นธรรม เราก็ต้องอำนวยความสะดวกเช่นกัน การบังคับใช้กฎหมายในครั้งนี้กลับกลายจะทำให้ทั้งโลกได้ทราบว่าประเทศไทยอยู่ภายใต้กระบวนการยุติธรรม และพร้อมที่จะรับการลงทุน
โดยเค้าจะได้รับการคุ้มครองอยู่ภายใต้กฎหมายไทย หากผมขอเฟซบุ๊คในสิ่งที่ผิด ผมเชื่อว่าทางเฟซบุ๊คจะไม่ลบให้ แสดงว่าเฟซบุ๊คมีความเข้าใจกฎหมายไทยจึงดำเนินการให้ ซึ่งเฟซบุ๊คก็มีแนวปฏิบัติของตนเอง การลบต้องมีหลักฐานที่ทำให้ทางเฟซบุ๊คตัดสินใจดำเนินการได้เร็วขึ้น ทำให้เห็นว่าประเทศไทยเคารพสิทธิทุกคนอย่างเต็มที่ ประเทศไทยเปิดกว้าง เคารพสิทธิทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ถ้าทำผิดกฎหมายเราต้องดำเนินคดี เพราะกฎหมายไทยต้องศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถชวนใครมาลงทุนได้ หากดู พรบ คอมพิวเตอร์ ไม่ได้มีแค่เรื่องการหมิ่นสถาบัน
แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ เช่น การหลอกลวง แชร์ลูกโซ่ หัวข้อที่ส่งไปจึงมีหลากหลาย พรบ คอมมาตรา 14 มีห้าวงเล็บ อะไรที่เข้าข่ายทั้งห้าวงเล็บเราก็ส่งไป เพราะฉะนั้น ความผิด ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องที่หมิ่นสถาบัน มีอีกหลากหลายที่เราต้องดำเนินการ Royalist Marketplace อยู่ในลิสต์ 1129 ที่ส่งไปให้เฟซบุ๊คดำเนินการ แต่คำสั่งศาลไม่ได้บอกให้ปิดเฉพาะในประเทศ คำสั่งศาลบอกให้ลบออกให้หมด แต่ด้วยกระบวนการของเฟซบุ๊ค อาจจะปิดในระดับที่ได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว และคนที่เข้าไปอยู่ในกลุ่ม หากมีการโพสสิ่งที่ผิดกฎหมาย มีความผิด หลายคนถูกดำเนินคดีไปแล้ว ขึ้นศาลไปแล้ว เนื่องจากมีความผิด
เมื่อโพสแล้วมีความผิด ก็จะถูกดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็น admin หรือผู้โพส เรามีช่องอาสาจับตาออนไลน์ หากมีคนช่วยแจ้งเบาะแส กระทรวงต้องตรวจสอบว่ามีการโพสจริงหรือไม่ หากโพสจริงก็จะรวบรวมข้อมูลส่งศาล ส่วนใหญ่จะได้ข้อมูลจากประชาชนที่ส่งเข้ามาทางช่องอาสาจับตาออนไลน์ ที่กระทรวงเปิดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม หากศาลสั่งให้ปิด เราก็จะรวบรวมส่งให้ platform ต่างๆเพื่อดำเนินการ และส่งตำรวจ ซึ่งตำรวจก็รับไปดำเนินคดีต่อไป ที่ตัวเลขมากขึ้น อาจไม่ได้แปลว่ามีผู้ทำผิดมากขึ้น แต่เรามีช่องทางให้มีการช่วยกันดูแลแจ้งเบาะแสมากขึ้น ตัวเลขจึงมากขึ้น
ในการ bully ผู้อื่น โดยการกระทำที่ละเมิดสิทธิ์ หรือโพสให้เสียหาย ต้องมีผู้เสียหายที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษ หากมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษก็จะเข้าสู่กระบวนการ ของ ปอท ในการปกป้องผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ์ เราต้องเปิดพื้นที่ทั้งสองฝั่ง การดำเนินการ Royalist Marketplace ไม่ได้มีเหตุผลทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง แต่เป็นไปตามกระบวนการและคำสั่งศาล
ประกอบกับมี พรบ. มาตรา 27 ที่สามารถดำเนินคดีหากไม่ทำตามคำส่งศาลภายใน 15 วัน เป็นเหตุผลที่ทางเฟซบุ๊กลบกลุ่มดังกล่าวไปก่อนครบ 15 วัน เรายังไม่เคยดำเนินดี platform ใดเลย แต่หากครบ 15 วัน เราต้องนำ URL นั้นไปส่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินคดีอาญาตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 27 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดูว่าหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ก็ต้องดำเนินการ
ในส่วนกระทรวง เราทำหน้าทีเร็วขึ้นมาก การรวบรวมเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่กระทรวงทำได้ แต่การดำเนินคดี เป็นหน้าที่ของทางตำรวจ ในฝั่งของกระทรวง เราได้ปรับการดำเนินการให้เร็วขึ้นเป็นการรวบรวมส่งศาลภายใน 48 ชั่วโมง ในด้านการดำเนินคดีจึงมีการเสนอทางออกให้จัดตั้งกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ขึ้นมา เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้รวดเร็วขึ้น พรบ.คอมพิวเตอร์ จะเริ่มจากผู้ที่นำข้อมูลที่เป็นเท็จเข้ามาในระบบ จึงต้องดำเนินการกับ admin และหากมีการนำข้อมูลไปแชร์ต่อ ก็ถือว่าเป็นการนำข้อมูลไปในอีกระบบ จึงมีความผิด
กลุ่มกับคนที่นำเข้า เป็น admin ก็เป็นผู้มีความผิดตาม พรบ คอมพิวเตอร์ เราไม่ได้ดูจำนวนสมาชิกในกลุ่ม อะไรที่เข้าข้อกฎหมาย หากมีคนทำผิด เราก็ต้องดำเนินการ หากกระทรวงไม่ทำก็มีความผิด ไม่ว่าจะมีไลค์หรือโพสมากน้อยเพียงใด จำนวนคนในกลุ่มจึงไม่เกี่ยวกับการดำเนินคดี เราบังคับใช้กฎหมายจริงๆ ไม่ได้มีเหตุผลให้สมาชิกออกมา เมื่อปิด ก็มีสิทธิ์ในการเปิดใหม่ แชร์ความคิดหรือเสนอความคิดทางการเมืองได้ หากไม่ได้ก้าวล่วงสถาบันหรือขัดข้อกฎหมายใด หากเปิดใหม่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ทางกระทรวงก็ไม่ได้ก้าวล่วง ในขณะที่ที่ผ่านมาเป็นการขอความร่วมมือเฉยๆ ซึ่งเฟซบุ๊กก็ทำให้ แต่ค่อนข้างช้า เพราะต้องมีการเข้ากระบวนการพิจารณาของเฟซบุ๊ก แต่วันนี้เราแนบคำสั่งศาลไปด้วย และแจ้งว่าตาม พรบ มาตรา 27 หากไม่ดำเนินการจะมีความผิดไปด้วย จึงแตกต่างจากทุกครั้ง
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ