“บิ๊กตู่” ลั่น บริหารประเทศต้องวางยุทธศาสตร์ ไม่ใช่ทำแบบลิงพันแห กลายเป็นเลี้ยงไข้ให้ยาพิษ เชื่อ คนไทยยังเชื่อมั่น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษภายใต้หัวข้อ “เกษตรทางรอดของประเทศไทย” ในพิธีเปิดงานเกษตรกรสร้างชาติ ว่า
ต้องยอมรับว่าเด็กวันนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เขาต้องการงานที่สบาย งานที่อยู่ในเมือง นั่นคือปัญหาของภาคเกษตรกร ท้ายที่สุดพ่อแม่เป็นคนทำ เมื่อทำไม่ไหวก็จ้างคนทำ ผลประโยชน์ก็กลับไปสู่คนอื่น แทบจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย เป็นหนี้เป็นสินเยอะแยะไปหมด ทั้งหนี้ในระบบ นอกระบบ ตนกำลังพูดถึงปัญหา แต่ไม่ได้บ่นให้ฟัง ซึ่งรัฐบาลคิดมาโดยตลอด
วันนี้โลกเปลี่ยน ถ้าเราไม่ปรับจะอยู่อย่างไร เรามีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยมายาวนานหลายร้อยปี วันนี้เราต้องเพิ่มความภาคภูมิใจในประเทศ เพื่อดันตัวเองผ่านปัญหาอุปสรรคไปข้างหน้าให้ได้ นั่นคือความเป็นไทยของเรา อย่าให้ใครมาทำลายความเป็นไทย ความเป็นเอกลักษณ์ไทยที่มีอยู่แล้วเดิม ต้องช่วยกันสร้าง ช่วยกันทำในสิ่งที่เป็นไปได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การค้าขายออนไลน์บางคนไม่รู้เรื่องก็เป็นหน้าที่ภาคราชการที่จะไปรวบรวม ไปสรุปมาว่าจะช่วยเหลือคนเหล่านี้อย่างไรในเรื่องการค้าขายสินค้าเกษตรทางออนไลน์ เพื่อช่วยเหลือให้ถูกทาง เรื่องการขึ้นบัญชี ทะเบียนอะไรต่างๆ ไม่ต้องกลัวเมื่อมีปัญหาอะไรรัฐบาลจะได้เข้าช่วยเหลือ
ตนเน้นความสำคัญเรื่องการใช้ระบบ Big Data การให้ข้อมูล การตรวจสอบข้อมูล เรื่องนี้ไม่ต้องไปอายใคร จะได้ช่วยเหลือได้ตรงจุด ตรงกลุ่ม แยกประเภทได้ ดังนั้น ขอฝากไปถึงพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศอย่าไปกลัวเรื่องการเสียภาษี หากเกณฑ์ไม่ถึงก็ไม่เสีย เรื่องภาษีที่ดินเป็นเรื่องของท้องถิ่นที่จะต้องพัฒนากันเอง
วันนี้เรากำลังแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง รัฐบาลไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ปฏิเสธไม่ได้ ในเมื่อเป็นรัฐบาล ฉะนั้น ทุกปัญหารัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ ขอให้เปรียบเทียบดูว่าเราได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง หลายคนลืมว่าเราได้อะไรไปแล้วบ้าง แต่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทุกอย่างต้องเริ่มและสานต่อจึงจะยั่งยืน ทุกอย่างใช้งบประมาณรายปีก็มี
“ในยุทธศาสตร์ระยะที่ 1 จะต้องดูว่า 5 ปีแรกผลที่ดำเนินการเป็นอย่างไร ไม่ใช่แก้แบบลิงพันแห มันจะแก้ไม่ได้ เดี๋ยวก็เดินขบวน เดี๋ยวก็เรียกร้อง ทุกรัฐบาลจะต้องดูแลทุกภาคส่วน และเดินไปขั้นตอน การบริหารราชการต้องเป็นแบบนี้ ท้ายที่สุดคนที่ไม่ได้ก็จะน้อยลง ไม่ใช่ได้แต่กลุ่มเดิมๆ อยู่ตลอด จะกลายเป็นการเลี้ยงไข้ให้ยาพิษกันไปหรือเปล่า ตนก็ไม่แน่ใจ แต่มันจำเป็นก็ต้องทำ
แต่ทำอย่างไรเราจะช่วยชาติได้ นี่คืองานวันนี้ คือรวมเกษตรสร้างชาติ อะไรก็ตามอยู่ที่ความเข้าใจ อยู่ที่คนจะบิดเบือน อยู่ที่คนเอาไปใช้ประโยชน์ ทุกรัฐบาลต้องเจอปัญหานี้ เราต้องหยุดกันเสียที ต้องมาช่วยกันทำงาน ต้องทำงานแบบมีเหตุมีผล มีหลักการ มีหลักคิด การทำให้คนชอบคนรักง่ายนิดเดียว แต่การจะแก้ปัญหาชาติยากกว่าเยอะแยะฉะนั้น ตนต้องเลือกวิธีการทำอย่างไรจะให้เกิดความยั่งยืน ก็ช่วยกันต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนต้องการให้บ้านเมืองนี้สงบเรียบร้อยเพื่อการพัฒนา แก้ปัญหาอุปสรรคให้กับพวกเราอย่าให้บ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อยขึ้นมาอีก ทุกอย่างแย่พออยู่แล้ว วันนี้ตนให้ความสำคัญกับภาคการเกษตร ถือว่ามีความจำเป็น เพราะคนเดือดร้อน แต่เราจะให้กันต่อไปมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วเราจะเอาเงินจากที่ไหน ถ้าเราไม่สร้างมวลรวมภาคการเกษตรให้สูงขึ้น วันนี้เรื่องการเปิดการท่องเที่ยวก็ค้านกันไปกันมา สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ เราต้องช่วยกันทุกเรื่องเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพื่อที่จะทำอย่างอื่นได้ เราต้องสร้างความสมดุลระหว่างสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมให้ได้ การทำงานให้คนทั้งประเทศเราทำเร็วมากไม่ได้
มันต้องมีข้อมูลความพร้อมของคนที่ได้รับความช่วยเหลือ เมื่อข้อมูลไม่ตรงถือเป็นความบกพร่องของข้าราชการด้วย ต้องทำให้ถูกต้อง เพราะเป็นความรับผิดชอบของพวกท่าน กำนันผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่นต้องร่วมมือกันทำ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ มันก็จะไม่จบทุกเรื่อง เราไม่สามารถทำอะไรได้โดยลำพัง วันนี้รัฐบาลบริหารงานแบบนิว นอร์มอลจากข้างบนลงล่าง
ทั้งนี้ ข้างล่างท้องถิ่นจนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้องมีโครงการของตัวเองด้วย ขณะนี้ตนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นที่ปรึกษาทุกกลุ่มทุกฝ่ายในพื้นที่ของตัวเอง และส่งขึ้นมาข้างบน ส่วนโครงสร้างใหญ่ต่างๆ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องทำ เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ อย่าให้ปัญหามันพัลวันพัลวันเกเหมือนเดิมๆ ตนจำเป็นต้องพูดสิ่งเหล่านี้ในวันนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเป็นห่วงมากที่สุดเพราะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเราต้องยึดมั่นหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องยึดมั่นต่อสถานบันที่มีมาอย่างต่อเนื่องทุกรัฐบาล นั้นคือการรวมใจไทยสร้างชาติมาได้ทุกวันนี้ ต้องมีศูนย์รวมใจ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน จนมาถึงอนาคตของไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯพูดมาถึงช่วงนี้ได้หยุดพูดชั่วขณะหนึ่งและถอนหายใจ พร้อมพูดว่า “เหนื่อยนะ กดดันมากเหมือนกัน ผมไม่มีการเมือง แต่อยากพูดให้เข้าใจเท่านั้นเอง ตั้งใจจะพูดเพราะเห็นคนเยอะก็อยากจะพูด เป็นคนทำงาน เป็นคนชั้นนำ แต่ไม่ใช่รวยมาก แต่นำคนอื่นได้
แต่อยากให้ทุกคนข่วยกันกัน พี่จูงน้อง เพื่อนจูงเพื่อน ต้องสร้างเหล่านี้ให้ได้ ไม่จำเป็นต้องมีศูนย์เรียนรู้อะไรมากมาย แต่ให้เรียนรู้ออนไลน์ ออฟไลน์ สอนทางปฏิบัติ เพื่อสร้างการเรียนรู้ ที่ทุกอย่างมีตัวชี้วัด เพื่อไปสู่การเกษตรปลอดภัยไร้สารผิด ขอให้ช่วยกันทำเรื่องนี้”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวช่วงท้ายว่า เราต้องรวมไทยสร้างชาติของเราหลายๆ เรื่อง ทุกอย่าง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม เป็นสิ่งที่ตนรับผิดชอบที่จะต้องทำให้ได้
“ตราบที่ผมมีเวลาของผมอยู่ จะได้มากได้น้อย หรือมีอุปสรรคก็ต้องฟันฝ่าตรงนี้ไป แต่ผมเชื่อมั่นว่าคนไทยก็ยังเชื่อมั่นในความเป็นไทยของเราอยู่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศเราเข้มแข็ง เมื่อไหร่ที่เราไม่มี 3 อย่างนี้ ก็ไปกันทั้งหมด ผมบอกให้เลย
เพราะวันนี้ประเทศไทยก็เป็นแกนกลางของอาเซียนอยู่แล้วเป็นแกนนำโดยพฤตินัยของอาเซียนอยู่แล้ววันนี้ อย่าทำลายภาพนี้ในสิ่งที่เรามีศักยภาพ ขอร้องเถอะครับ ช่วยกันสร้างความสงบเรียบร้อย นำพาลูกหลานของท่านไปสู่อนาคตที่ดีงามต่อไป”
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินเยี่ยมชมบูธและร้านค้าต่างๆ ของตัวแทนเกษตรกร โดยช่วงหนึ่ง ระหว่างตรวจเยี่ยม บูธของเกษตรกรอัจฉริยะ Smart Farmer นายกรัฐมนตรีสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำบูธ ว่าเรียนจบจากที่ไหน เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตอบว่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายกฯจึงกระเซ้าถามเบาๆว่า จบเกษตรด้วยหรือ ไปชุมนุมกับเขามาหรือเปล่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจึงตอบกลับว่า “ไม่ได้ไปครับ ผมจบมา 20 กว่าปีแล้ว”
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ