ดีเดย์ลงทะเบียน 3 พัน หกโมงเช้า 16 ต.ค. รับรวดเดียว 10 ล้านคน เริ่มใช้เงิน 23 ต.ค.นี้
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค. จะเสนอรายละเอียดโครงการคนละครึ่งแจกเงิน 3,000 บาท ให้ประชาชน 10 ล้านคน ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ รัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนรับเงิน 3,000 บาท ผ่าน WWW.คนละครึ่ง.com โดยประชาชนที่อายุ 18 ปี และไม่ได้เป็นผู้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถลงทะเบียนรับเงินได้ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ของวันที่ 16 ต.ค. 2563 เป็นต้นไป โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียนหากเต็ม 10 ล้านคน ก็ถือว่าครบ หากไม่เต็มก็เปิดให้ลงทะเบียนในวันต่อๆ ไปจนครบ 10 ล้านคน
ทั้งนี้ หลังลงทะเบียนแล้วภายใน 2 วัน ผู้ลงทะเบียนจะได้รับข้อความ SMS ว่าผ่านการพิจารณาหรือไม่ หากผ่านก็ให้โหลดแอปเป๋าตัง ซึ่งรัฐบาลจะโอนวงเงิน 3,000 บาท ให้กับผู้ได้สิทธิ เพื่อนำไปซื้อของกินของใช้จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งร้านค้าจะมีแอปถุงเงิน ขณะนี้มีมากกว่า 1 แสนร้านค้า โดยผู้ได้สิทธิก็ต้องโอนเงินส่วนที่จะซื้อของเข้าแอปเป๋าตังของตัวเองด้วย เพราะมาตรการนี้เป็นการร่วมจ่ายกันคนละครึ่ง
สำหรับการเริ่มให้ผู้ได้สิทธิเริ่มใช้จ่ายในโครงการได้ในวันที่ 23 ต.ค. 2563 ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 โดยรัฐบาลกำหนดช่วยจ่ายค่าซื้อสินค้าวันละไม่เกิน 100 บาท หรือ ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน
ขณะที่การไปซื้อสินค้าจะต้องจ่ายเงินผ่าน แอปเป๋าตังเท่านั้น โดยนำแอปเป๋าตังไปสแกนกับแอปถุงเงินของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ซื้อของ 100 บาท ระบบก็จะตัดเงินของผู้ได้สิทธิในแอปเป๋าตังไป 50 บาท และจะแจ้งว่าวงเงินที่รัฐช่วยจ่ายเหลือ 2,950 บาท โดยในส่วนของรัฐช่วยจ่ายจะดำเนินการจ่ายให้ร้านค้าในวันถัดไป
“ระบบการลงทะเบียนและการใช้เงิน จะทำได้เวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวัน เพราะระบบต้องหยุดเพื่อประมวลผลข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะการจ่ายเงินให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการต่อไป โดยโครงนี้ผู้ได้สิทธิต้องจ่ายเงินชำระสินค้าผ่านแอปเป๋าตังซึ่งผู้ได้สิทธิก็ต้องเตรียมเงินไว้ให้เพียงพอกับซื้อสินค้าด้วย ไม่สามาระชำระเป็นเงินสด เพื่อป้องกันการทุจริต” นายลวรณ กล่าว
นายลวรณ กล่าวว่า ผู้ที่ได้สิทธิแล้ว จะต้องเริ่มใช้เงินภายใน 14 วัน หลังจากได้รับ SMS หากไม่ใช้เงินระบบจะตัดชื่อออก เพื่อให้คนอื่นเข้ามาจองสิทธิ์ใหม่ โดยผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ก็ยังสามารถมาลงทะเบียนใหม่ โดยโครงการนี้ต้องการให้เกิดการใช้จ่ายจริงๆ ไม่ต้องการให้มีการของกักสิทธิของผู้อื่นที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ
ในส่วนของร้านค้าที่ต้องเข้าร่วมโครงการ จะเป็นร้านหาบเร่ แผงลอย ร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ใช่ร้านค้าขนาดใหญ่ที่เป็นนิติบุคคล และ ร้านสะดวกซื้่อ ที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ส่วนกรณีของแฟรนไชส์ เช่น ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว สามารถเข้าโครงการได้ เพราะถือว่าผู้ที่ขายจริงเป็นบุคคลธรรมดา
อย่างไรก็ตาม สศค. อยากประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการทุกราย มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะระบบจะตรวจสอบความผิดปกติได้ เช่น ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเคยขายของได้วันละ 2 หมื่นบาท แต่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เป็น 2 แสนบาท และมีความถี่ของการขายผิดปกติ สศค. ก็จะส่งลงไปตรวจสอบหากพบการกระทำผิด ก็ตัดชื่อออกจากโครงการ
นายลวรณ กล่าวว่า นอกจากการแจกเงิน 3,000 บาท ให้กับประชาชน 10 ล้านคน แล้ว รัฐบาลยังช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการโดยให้วงเงินซื้อสินค้าเพิ่มอีกเดือนละ 500 บาท จากที่ได้รับเดือนละ 200 กับ 300 บาท ก็จะได้รับเดือนละ 700 บาท กับ 800 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. 2563 หรือเท่ากับได้เงินเพิ่มอีก 1,500 บาท เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าคนกลุ่มนี้เข้าถึงเทคโนโลยีลำบาก ทำให้ไม่สะดวกที่จะไปจองสิทธิรับเงิน 3,000 บาท จึงให้ความช่วยแยกออกมา เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการจะไม่ได้รับสิทธิเข้าโครงการคนละครึ่งแจกเงิน 3,000 บาท
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ