การมีหนี้อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของหลายๆคน แต่มีหนี้เท่าไหร่ละ ที่เรียกว่ามี "หนี้เกินตัว"
หนี้ในโลกใบนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ หนี้รวย และหนี้จน
โดยนิยามของหนี้รวย คือ "หนี้ที่กู้ยืมมาลงทุน" เมื่อกู้ยืมมาแล้วทำให้เรามีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น เช่น กู้เงินมาซื้อแท๊กซี่ 1 คัน มีภาระต้องส่งไฟแนนซ์เดือนละ 12,000 บาท แต่ปล่อยเช่าเก็บเงินเช่าได้เดือนละ 20,000 บาท ผลลัพธ์สุดท้ายของการก่อหนี้ครั้งนี้ ทำให้มีเงินในกระเป๋าเรียกว่า กำไรเพิ่มขึ้น 8,000 บาทต่อเดือน ดังนั้นหนี้ก้อนนี้จึงถือว่าเป็น "หนี้รวย" (เพราะก่อให้เกิดกระแสเงินสดเป็นบวก)
ส่วนหนี้จน คือ หนี้ที่เรากู้ยืมเงินคนอื่นมาแล้ว ทำให้เรามีรายจ่ายเพิ่มขึ้น มีเงินน้อยลง หรือทำให้เราจนลงนั่นเอง เช่น เงินกู้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย เงินกู้บัตรเครดิต หนี้เหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างค่าใช้จ่ายรายเดือนให้เพิ่มขึ้นโดยไม่มีรายได้แต่อย่างใด ดังนั้นหนี้กู้ซื้อบ้าน และหนี้บัตรเครดิต ถือว่าเป็นหนี้จน
คำถามที่ว่า "เรามีหนี้เกินตัวหรือเปล่า?" นั้นต้องดูเฉพาะเจาะจง คือ พิจารณาเฉพาะหนี้จนเท่านั้น หนี้รวยมีมากก็ชั่งก่อนเถอะมีเยอะก็รวยแยะ แต่หนี้จนนี่สิ ยิ่งมีมากยิ่งยากจน โดยทั่วไปแล้วคนเราไม่ควรมีภาระจากหนี้จนเกิน 30% ของรายได้ หมายความว่า เมื่อเรานำยอดเงินที่ต้องใช้ผ่อนชำระหนี้ต่างๆ ในแต่ละเดือนมารวมกัน หารด้วยรายได้ และคูณ 100 ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ควรเกิน 30%
ตัวอย่างเช่น นำเงินผ่อนชำระหนี้คอนโด 4,500 บาทต่อเดือน มารวมกับเงินผ่อนชำระมือถือ 2,100 บาทต่อเดือน เท่ากับ 6,600 บาท หารด้วยรายได้ 22,000 บาท แล้วคูณด้วย 100 ผลลัพธ์คือ จะได้ภาระหนี้ต่อเดือน = 30% พอดิบพอดี
แปลความได้ว่า หนี้ที่คุณมีอยู่ในปัจจุบันนั้นเต็มพิกัดแล้ว กรุณาอย่าเผลอสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีกเป็นอันขาด มิฉะนั้นโอกาสที่คุณจะตกที่นั่งลำบากทางด้านการเงินในอนาคตจะสูงขึ้นถึงขั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางที่ดีควรอยู่ห่างห้างสรรพสินค้า และหลีกเลี่ยงการฟังโปรโมชั่นจูงใจต่างๆไว้ก็น่าจะดี
ถึงตรงนี้หลายท่านอาจสงสัยว่า เราเอาตัวเลข 30% มาจากไหน? ก็ต้องตอบตรงนี้ว่าที่จริงก็ไม่ได้มีกฎอะไรตายตัว ลองดูวิธีคิดดังนี้ เผื่อจะเข้าใจมากยิ่งขึ้น
รายได้ 100%
– หักภาษี 10%
– หักประกันสังคม 5%
– หักเงินออม 10%
– หักใช้จ่ายส่วนตัว 40-50% เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร
– และอื่นๆคงเหลือไว้ก่อนก่อหนี้ 30-35%
อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่จำเป็นต้องมีบ้าน และรถยนต์ ด้วยเหตุผลใดก็ตามก็อาจยอมให้อัตราส่วนเงินผ่อนชำระหนี้ต่อรายได้ขยับเพิ่มเป็น 40% แต่ถ้าหากมีหนี้เกิน 40% ขึ้นไป คุณเองก็จะมีชีวิตทางด้านการเงินที่ลำบากแน่นอน แต่ว่าไปคนที่มีหนี้แล้วรู้จักหยุด วันนึงก็จะกลับมามีสภาพคล่องที่ดีได้ แต่คนที่กู้ไปเรื่อยๆ มีหนี้เยอะแต่ก็ยังมีคนให้กู้ แล้วก็คิดว่าตัวเองมีเครดิตดี ลักษณะแบบนี้ไม่นานชีวิตก็ต้องพัง เพราะว่าหนี้จน
ปิดท้ายเรื่องหนี้จนด้วยสัญญาณอันตรายที่คุณควรจับตา ดูภาวะการเงินของตัวเองให้ดี
1. มีหนี้มาก จนต้องเริ่มผ่อนชำระขั้นต่ำ
2. เงินผ่อนชำระหนี้ต่อรายได้เกิน 40%
3. กู้ยืมเงินมาเคลียร์หนี้
ถ้าใครมีครบทั้ง 3 อาการที่ว่ามานี้ ถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยนนิสัยการใช้จ่าย นอกจากชาตินี้จะไม่มีวันรวยแล้ว ยังรอวันจมกองหนี้ และเครดิตทางการเงินพังได้เลย
[ads=center]
ข้อมูลจาก SmartSME
เรียบเรียง ThaiJobsGov.com
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ