จากกรณี เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงกับเด็กเล็กภายในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ล่าสุดคุรุสภาได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบบุคลากรในโรงเรียนสารสาสน์ว่ามีใบประกอบวิชาชีพครูตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ขณะเดียวกันก็พบความจริงที่ว่า สารสาสน์ราชพฤกษ์ ไม่มีการแจ้งขอผ่อนผันในระบบ กรณีที่ครูบางส่วนใบอนุญาตขาดอายุ ตามที่มีการกล่าวอ้าง
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2563 บรรยากาศภายในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เช้าวันนี้ ทางโรงเรียนได้จัดให้มีกลุ่มบุคคลที่มีบุคลิกคล้ายกับเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัย บริเวณอาคารธุรการ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่จากทางคุรุสภา เข้ามาตรวจสอบเอกสาร โดยเฉพาะใบประกอบวิชาชีพครู
นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า โรงเรียนสารสาสน์แจ้งว่ามีครูทั้งหมด 411 คน แต่เพิ่งหาหลักฐานมาให้ได้ 98 คนเท่านั้น จึงยังต้องใช้เวลาตรวจสอบต่อ ซึ่งในจำนวนนี้หากพบว่ามีบางคน ที่โรงเรียนจ้างมาเป็นพี่เลี้ยง แต่มีพฤติกรรมสอนแบบครูหรือทำให้คนอื่นเชื่อว่าเป็นครู ก็จะมีความผิด ทั้งผู้สอนและโรงเรียนด้วย ขณะนี้จึงต้องเร่งตรวจสอบทั้งใบวิชาชีพครู ควบคู่ไปกับตารางสอน
รวมถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ (29 ก.ย. 2563) ตัวแทนของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์แจ้งต่อสำนักงานการส่งเสริมศึกษาเอกชน ว่ามีครูบางส่วนที่ใบอนุญาตขาดอายุและกำลังอยู่ระหว่างการขอผ่อนผันนั้น ล่าสุดคุรุสภา ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีการแจ้งขอผ่อนผันในระบบ ซึ่งเมื่อสอบถามกับโรงเรียน โรงเรียนชี้แจงว่า กำลังจะขอ”ผ่อนผัน นั่นหมายความว่าจริงๆแล้วยังไม่ได้ขอจึงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ในทางกฎหมาย ซึ่งทางคุรุสภาจะดำเนินการเอาผิดต่อไป
โดยมีผู้ปกครองส่วนหนึ่งที่เดินทางมาส่งบุตรหลานเสร็จแล้ว แต่ก็ยังคงนั่งจับกลุ่มคุยกันในช่วงเช้า โดยเฉพาะในประเด็นการแก้ปัญหาของโรงเรียนที่ค่อนข้างล่าช้า ผู้ปกครองหลายคนยอมรับว่า พฤติกรรมทำร้ายเด็กนักเรียน ที่ปรากฏตามข่าว เป็นพฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้ แต่ก็ยังอยากให้โอกาสโรงเรียนสารสาสน์ เพราะโรงเรียนก็มีข้อดีหลายส่วนและครูหลายคน ก็เป็นครูที่ดี และสำหรับปรากฎการณ์ใช้ความรุนแรงกับเด็กเล็กในหลายๆกรณีที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ ก็ไม่ได้แค่สร้างความบอบช้ำทางจิตใจให้กับเด็ก ๆ และครอบครัวที่ถูกกระทำเท่านั้น แต่เด็กคนอื่นๆที่ยังเรียนอยู่ หรือครูคนอื่นที่ไม่ไม่เกี่ยวข้องด้วย ก็ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจไม่น้อย
ผู้ปกครองยังบอกว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นตอนนี้ ไม่ได้เกิดกับแค่เด็กนักเรียนและผู้ปกครอง ที่ถูกพี่เลี้ยงจุ๋มทำร้ายเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงคนอื่น ๆ ด้วย เพราะหลายคนกำลังถูกสังคมบูลลี่ เช่น ผู้ปกครองบางคน มักถูกตั้งคำถามว่าเอาลูกมาเรียนโรงเรียนแบบนี้ได้อย่างไร จนหลายคนไม่อยากออกจากบ้าน เพราะรู้สึกอับอาย
ขณะที่หลายคนก็มาแสดงความคิดเห็นว่าอยากให้ปิดโรงเรียนไปเลย ซึ่งผู้ปกครองกลุ่มนี้มองว่า การย้ายเด็กออกจากโรงเรียน ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่พร้อม ทั้งฐานะ การเดินทาง และโรงเรียนใหม่ที่จะรองรับกลางเทอม จึงอยากให้โรงเรียนเร่งแก้ปัญหานี้โดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้ปกครองเท่านั้นที่มีปัญหาตอนนี้ เด็กหลายคน ก็ได้ออกมาระบายผ่านทางโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ถูกสายตาบูลลี จากคนรอบข้าง เช่นเมื่อเห็นแต่งเครื่องแบบของโรงเรียนสารสาสน์ ก็จะถูกมองและซุบซิบ หรือถูกถ่ายรูป ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
ขณะที่ศิษย์เก่าและผู้ปกครองหลายคนก็ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงปกป้องโรงเรียน โดยบอกว่าคนทำผิดเพียงไม่กี่คน ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนจะไม่ดีทั้งหมด จนเกิดแฮชต์แท็ก เซฟสารสาสน์ขึ้นมาในออนไลน์
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ