“ซูเปอร์โพล” ชี้ผลสำรวจโครงการ “คนละครึ่ง พึ่งได้” โดนใจร้านค้าเกินร้อยละ 93 แถมยังได้ใจกลุ่มเยาวชน-ประชาชน ระบุช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตอบโจทย์ปากท้อง แถมยังสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ถ้ายังมีโครงการช่วยประชาชน
วันนี้ (15 พ.ย.2563) นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) กล่าวถึงผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง คนละครึ่ง พึ่งได้สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เผยผลสำรวจภาคสนามเรื่อง คนละครึ่ง พึ่งได้ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 1,121 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 11–14 พ.ย.ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงความเห็นเกี่ยวกับโครงการคนละครึ่ง พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.6 ระบุ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เจ้าของร้านค้า รายย่อย พึ่งได้ รองลงมาคือ ร้อยละ 90.6 ระบุ คนคิดออกแบบโครงการ คนละครึ่ง เก่ง ร้อยละ 89.8 ระบุ เดินตลาดเห็นคนจับจ่ายใช้สอย มีความสุข รักประเทศไทย รักรัฐบาลมากขึ้น
นอกจากนี้ร้อยละ 89.8 ระบุโครงการคนละครึ่ง ทำประชาชนคุ้นเคยใช้แอปพลิเคชัน และดิจิทัลมากขึ้น ร้อยละ 89.6 ระบุ รัฐบาลควรจัดยิ่งใหญ่อีกในช่วงปีใหม่ ขยายโอกาสให้ชาวบ้านและบริษัทร้านค้ามากขึ้น ร้อยละ 89.3 ระบุ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดความเดือดร้อน ประชาชนพึ่งได้ และร้อยละ 85.8 ระบุ ช่วยทำให้ประชาชนมีวินัยในการออมและใช้จ่ายเงิน
ที่น่าสนใจ คือ ทั้งกลุ่มเยาวชนและไม่ใช่เยาวชนส่วนใหญ่สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อย พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.5 ของกลุ่มเยาวชน และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.8 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชน สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ
ชี้คนละครึ่งได้ใจ-หนุนประยุทธ์อยู่ต่อ
นอกจากนี้ กลุ่มประชาชนทุกกลุ่มรายได้เงินเดือนส่วนใหญ่สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.0 ของคนที่มีรายได้เงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ ในขณะที่ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.7 ของคนที่มีรายได้เงินเดือนระหว่าง 15,000 ถึง 30,000 บาท สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.5 ของคนที่มีรายได้เงินเดือนเกิน 30,000 บาทขึ้นไป สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ เช่นกัน
ที่น่าพิจารณาคือ ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง จะเลือกพรรคการเมืองใด เปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังโครงการคนละครึ่ง พบว่า คนจะเลือกพรรคพลังประชารัฐเพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 10.9 ก่อนโครงการคนละครึ่ง มาอยู่ที่ร้อยละ 27.7 หลังโครงการ คนละครึ่ง ในขณะที่ คนจะเลือกพรรคร่วมรัฐบาลไม่แตกต่างกัน คือร้อยละ 5.7 ก่อนโครงการฯ และร้อยละ 5.8 หลังโครงการ
อ่านข่าวเพิ่ม นายกฯพอใจ “คนละครึ่ง” ประชาชนใช้จ่ายคึกคัก
ที่น่าเป็นห่วงคือ คนจะเลือกพรรคเพื่อไทย ลดลงจากร้อยละ 9.3 ก่อนโครงการ มาอยู่ที่ร้อยละ 2.5 หลังโครงการ และคณะก้าวไกล (อนาคตใหม่เดิม) ลดลงจากร้อยละ 13.0 ก่อนโครงการมาอยู่ที่ร้อยละ 2.1 หลังโครงการ ในขณะที่ คนจะเลือกพรรคอะไรก็ได้ที่เป็นการเมืองใหม่แท้จริง ลดลงจากร้อยละ 59.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 16.8 แต่คนที่ตอบอื่นๆ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 45.1
“ผลโพลชี้ให้เห็นว่าโครงการคนละครึ่งกำลังได้ใจกลุ่มคนรายได้น้อย และคนที่เริ่มทำงาน ยังได้ใจกลุ่มเยาวชน และผู้ไม่ใช่เยาวชน เพราะตอบโจทย์ประชาชนที่กำลังรอการช่วยเหลือลดความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนในเรื่องปากท้องที่ต้องมาอันดับแรก”
แนะขยายเวลา-ปรับปรุงระบบให้คำปรึกษา
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่าโครงการคนละครึ่ง กำลังเป็นที่นิยมของประชาชน และเกิดผลกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนชาวบ้านทั่วไป ร้านค้ารายย่อย ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ขึ้นไป พึ่งได้ ส่งผลทำให้ฐานสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มขึ้น และส่งผลทำให้ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ จะกลายเป็นพรรคอันดับหนึ่งมากกว่าพรรคอื่นๆ ที่อาจเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับเหตุปัจจัยที่ทำให้ประชาชน
ส่วนใหญ่เล็งเห็นว่าเป็นพรรคที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย ซ้ำเติมเศรษฐกิจ ซ้ำเติมวิกฤต COVID-19 และซ้ำเติมความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน เช่น พรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่เดิม) หรือ พรรคเพื่อไทย ที่มีภาพของการไปสนับสนุนม็อบที่แตะต้องสถาบันหลักของชาติ อันเป็น หัวใจของราษฎร ที่เปราะบาง ก็เป็นไปได้
“ข้อควรปรับปรุงคือควรขยายเวลา เอาอีก ทำอีกต่อเนื่องกระตุ้นเศรษฐกิจเรื่อยๆ ควรมีระบบให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมงอาจใช้ทั้ง คนจริง หรือมนุษย์บอต (Bot) คอยตอบคำถาม ช่วยเหลือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในลักษณะ Live Chat ให้ประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการ ร้านค้ารายย่อย จะเสริมความพึงพอใจได้มากยิ่งขึ้น”
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ