พลทหาร ป่วยโรคหัวใจฯ เล่าความยากลำบาก แพทย์สั่งให้ปลด แต่ระบบราชการสุดล่าช้า
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. โลกออนไลน์ มีการแชร์โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของพลทหารรายหนึ่ง ซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจขังหวะ
สวัสดีครับ ผมพลทหาร…. ผมไม่ได้โพสใน facebookมานาน ผมมีเรื่องราวอยากจะเล่าอาจจะยาวนิดนึงนะครับ ขออนุญาติเริ่มเลยนะครับ …
ย้อนกลับไปราว 6-7ปี ตัวผมได้ป่วยตรวจพบเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ จึงได้เข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัดสอดกล้องทำการจี้คลื่นไฟฟ้าบริเวณหัวใจ ซึ่งหลังจากทำการรักษายังมีอาการกำเริบเป็นระยะๆ(ซึ่งในกฎหมายการที่ป่วยเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต้องถูกละเว้นเพราะเป็นโรคที่อันตรายต่อการฝึก) เมื่อครบอายุหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมก็ได้เข้าตรวจคัดกองทหารกองเกิน พร้อมนำเอกสารใบรับรองเเพทย์เเละประวัติการรักษาครบถ้วน ในการตรวจคัดกองปีเเรกผมยื่นใบรับรองถูกนำเเยกเป็นประเภทที่ 3 ซึ่งหมายความว่าเป็นโรคที่รักษาหายได้ภายใน1ปี จะต้องกลับมาทำการตรวจคัดกรองในปีถัดไป ต่อมาในปีถัดมาผมก็ได้เข้ามาตรวจคัดกรองเหมือนปีก่อน ซึ่งในรอบนี้ผมตัดสินใจเเล้วว่าจะจับใบดำใบเเดง เพราะไม่อยากที่จะยื่นใบรับรองเเพทย์เเล้วต้องกลับมาในปีถัดไปอีก
ด้วยเรื่องอายุเเละการงานที่ต้องรับผิดชอบ จึงตัดสินใจจับใบดำใบเเดง ผลคือจับได้ใบเเดง ทหารเรือผลัด 4 ประจำปี 63 ต้องเข้ารับราชการในปีถัดไปซึ่งผมมีเวลาเตรียมตัวก่อนเข้ารับราชการนาน 9 เดือน เมื่อถึงเวลาเข้ารับราชการทหารกองประจำการผมได้เตรียมเอกสารใบรับรองเเพทย์เเละประวัติการรักษาไปด้วย เมื่อผมได้เข้าไปอยู่ศูนย์ฝึกสัตหีบ ระยะเวลา 40 วันผมได้ยกมือทุกครั้งที่มีการถามว่าใครมีโรคประจำตัว จนผมได้เข้ารับการตรวจซ้ำที่ รพ.สิริกิติ์ เเพทย์ด้านหัวใจจึงลงความเห็นให้นำปลดเพราะเป็นโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหาร
เวลา 40 วันที่อยู่ด้านในผมได้ไปอยู่กองร้อยพยาบาลซึ่งเป็นที่ศูนย์รวมของทหารป่วย สิ่งที่ผมเจอคือมีผู้คนมากมาย ที่เป็นโรคร้ายเเรง เช่น วัณโรค , เอดส์ , หอบ . จิตเวช , กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท , ผ่าตัดคอที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ คนหลายคนอาจจะเป็นชาวบ้านที่ไม่มีความรู้เรื่องการเตรียมเอกสาร บางคนถูกเลือกมาเป็นเพราะเขตนั้นๆ ขาดกำลังพล(ยัด…..สัสดีจนเต็ม)จึงต้องนำคนป่วยหนักมาเป็นทหาร เหตุการณ์ที่เจอคือมีคนเสียชีวิตในวันเเรกหลังลงจากรถบัสเพราะป่วยหนักเเต่ต้องออกจากโรงพยาบาลมารับใช้ชาติ
ผมอยากฝากถึงหน่วยงานราชการจากเรื่องราวของผมเป็นประชาชนคนนึงที่ถูกช่องว่างของระบบราชการไทยเล่นงานเเละละเมิดสิทธิความเป็นประชาชนคนนึงของ(เขตสายไหม)กรุงเทพ ซึ่งเพื่อนผมหลายคนไม่โชคดีเเบบผมที่สามารถลากลับมาเพื่อรักษาตัวเพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินเเพทย์ทหารไม่สามารถมีเครื่องมือช่วยชีวิตหรืออุปกรณ์การรักษาโรคหัวใจได้ทัน ณ วันนี้อีกราวๆ 2 เดือนกว่าผมจะครบอายุราชการ ไม่มีหน่วยงานใดหรือฝ่ายใดตามเรื่องนำปลดซึ่งเเพทย์ได้เซ็นปลดเป็นเวลาราว 7 เดือน ผมเองก็ติดต่อเองทุกช่องทางอาจจะด้วยเอกสารมากมาย หรือเหตุใดก็เเล้วเเต่จึงทำให้สิทธิมนุษย์คนนึงจึงถูกมองข้าม
ผมอยากพูดเเทนใครหลายคนที่ถูกระบบราชการที่มีช่องโหว่เล่นงานเเบบไม่เป็นธรรมเเบบผม เเละไม่มีโอกาสที่จะสามารถเอาตัวเองเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลซ้ำเเบบผม ณ วันที่อยู่ในกรมกอง
สุดท้ายนี้อยากเล่าให้เห็นภาพสั้นๆถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพลทหารที่ป่วยหนักๆมากกว่าผม พวกเข้าไม่ได้รับการดูเเลอย่างถูกวิธีเเละสุขอนามัยในกรมกองต่ำกว่าสิ่งที่เขาควรจะได้รับเพื่อรักษาตัว กับข้าวอาหารต่างๆ ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เป็นข่าวที่สื่อออกทางโทรทัศน์
ผมเป็นหนึ่งคนที่หมดหวังกับระบบราชการไทยซึ่งไม่มีความเป็นธรรมให้กับประชาชน ง่ายๆ คือคนรวยรอดไป คนจนใช้กรรมเเทน จะให้ง่ายกว่านั้นก็คือรับเงินคนรวยนำคนป่วยหรือคนไม่มีโอกาสเเละฐานะการเงินเป็นเเทน การทุจริตเกิดขึ้นจริงเเละวันคัดกรองผมเห็นกับตาว่าหลายคน…..เดินไปหาเเละคนเหล่านั้นกลับบ้านหลังจากนั้น…..เท่านี้เเหละครับ
ด้านพล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และอดีตประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก กรณีดังกล่าว ระบุว่า
เรื่องทหารกองประจำการ (เกณฑ์) ป่วยในลักษณะที่ขัดต่อการรับราชการทหารนั้นมีได้เป็นปกติ
แต่ที่ไม่ปกติคือการจำหน่ายปลดจากการรับราชการทหารที่ใช้เวลานานเกินไป
มองอย่างง่าย ๆ คือเป็นภาระของทางราชการ ไม่น้อยไปกว่าความเสี่ยงและโอกาสของกำลังพลที่จะรักษาตัว
ฝากไปยังกองทัพเรือครับ
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ