ศิลปินแห่งชาติหนุนม็อบนิสิต นักศึกษา เห็นด้วย “บิ๊กตู่” ควรลาออก
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม 2535 สวนสันติพร ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ คณะกรรมการญาติพฤษภา 35 จัดกิจกรรมแนะนำอนุสรณ์สถาน พฤษภาประชาธรรม โดยมีนางลาวัณย์ อุปอินทร์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ภริยานายสมโภชน์ อุปอินทร์ ศิลปินชื่อดังผู้ล่วงลับ และเป็นผู้ออกแบบอนุสรณ์สถาน พร้อมด้วยนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตร นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชน พฤษภา 35 พร้อมด้วยญาติวีรชน เข้าร่วมกิจกรรม
นางลาวัณย์กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ว่า เห็นด้วยอย่างมากกับข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของนักศึกษา ไม่ว่าจะเป็น 1.ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก 2.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3.ปฏิรูปสถาบัน ได้ติดตามข่าวการชุมนุมทุกวัน เคยนั่งรถมาสังเกตการณ์การชุมนุมด้วย ยังได้เห็นข่าวที่มีพ่อแม่ไล่ลูกออกจากบ้านเพราะเข้าร่วมม็อบในฐานะแม่อยากให้ผู้ปกครองรับฟังเสียงของเด็กๆ
“เห็นแล้วปลื้มใจ ที่เด็กตัวเล็กๆ ยังมีความสำนึกทางด้านการเมืองอย่างนี้แล้ว ดูข่าวแล้วน้ำตาไหล ประทับใจว่านอกจากนิสิต นักศึกษา ยังมีเด็กระดับประถมตัวนิดเดียวออกมาเดิน ดูแล้วเด็กสมัยนี้เขาก้าวหน้าจริงๆ ติดตามข่าวทุกวัน เคยแว่บมาดูการชุมนุมด้วย” นางลาวัณย์กล่าว
ด้านนายสุลักษณ์ กล่าวว่า อนุสาวรีย์แห่งนี้ หากนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันศึกษาบทเรียน จะไม่ผิดพลาดเหมือน พล.อ.สุจินดา คราประยูร จนเกิดเหตุการณ์พฤษภา 2535 พล.อ.ประยุทธ์ควรเรียนรู้ความผิดพลาด อย่าอ้างประชาธิปไตยจอมปลอม การแก้รัฐธรรมนูญต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่ให้เนติบริกรเป็นคนทำ สำหรับแนวโน้มการเรียกร้องของผู้ชุมนุม เชื่อว่าจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ขอชื่นชมผู้ออกมาเรียกร้อง แม้แต่นักเรียนตัวเล็กๆ ยังเรียกร้องสิทธิในด้านเครื่องแบบ รัฐบาลต้องฟังคนรุ่นใหม่
นายสุลักษณ์กล่าวว่า สำหรับกฎหมาย มาตรา112 มองว่าโทษรุนแรงเกินไป และมีการนำมาใช้กับผู้เห็นต่าง มีประโยชน์เฉพาะผู้มีอำนาจ ล่าสุดที่มีการเปิดตัวกลุ่ม “อาร์ทีมูฟเม้นต์” โดยมีสัญลักษณ์คือค้อนและเคียว มองว่าควรให้โอกาสการแสดงออก อย่าไปตีความว่าจะไปซ่องสุม
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินทางร่วมกิจกรรมด้วย กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง ว่า เชื่อว่ารัฐบาลคงอาศัยเดือนธันวาคมและช่วงปีใหม่ในการยืดเวลาแก้ปัญหาออกไป สิ่งที่จำเป็นต้องแก้คือ ประเด็นการเมืองเรื่องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหา และเป็นเรื่องใหญ่ ปีหน้าไม่อยากเห็นสถานการณ์ที่แย่ไปกว่านี้ แต่แนวโน้มอาจเป็นเช่นนั้น คือแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ รัฐบาลควรฟังเสียงนอกสภาให้มาก
“สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ แก้ไขประเด็นการสืบทอดอำนาจ อีกข้อหนึ่งคือ นายกรัฐมนตรีตัองยึดหลักที่ว่า อย่าให้มีเรื่องกระทบสถาบันจากปัญหาทางการเมืองของรัฐบาล ที่ผ่านมามีโอกาสแก้ แต่ทิ้งไปแล้ว คือ การตัดอำนาจ ส.ว.ที่มาเลือกนายกฯ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้ครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อย เพราะประชาชนติดใจตรงนี้ ความเห็นต่างเป็นปกติ แต่ควรจบที่หีบเลือกตั้ง” นายปริญญากล่าว
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ