สุวรรณภูมิชี้แจงกรณีชาวเมียนมาปลอมตัวเป็นนักบินเข้าพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุด แจ้งข้อหาบุกรุกและอยู่ในประเทศเกินกำหนด คาดมูลเหตุจูงใจกระทำผิด เพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ข้อมูลส่วนตัวว่าเป็นนักบินเพื่อลวงครอบครัวและแฟนสาว
วันนี้ (24 ธ.ค.2563) น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวว่ามีชาวเมียนมาปลอมตัวโดยแต่งกายเป็นนักบินสายการบินแห่งหนึ่ง ได้เดินเข้า – ออกภายในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น
ล่าสุด ทสภ.ได้ร่วมกับ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามขั้นตอนทางกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าผู้กระทำผิดรายนี้คือ Mr. YE MIN THU ซึ่งได้แต่งกายคล้ายนักบินและได้พยายามใช้บัตรนักบินของสายการบินแห่งหนึ่งเพื่อผ่านเข้าสู่พื้นที่สำหรับผู้โดยสารภายในประเทศ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ. ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ ทั้งลักษณะการแต่งกายและบัตรประจำตัว จึงได้เข้าควบคุมเพื่อตรวจสอบข้อมูล พร้อมนำส่งตัวไปยัง สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ จากการสอบสวนและตรวจสอบภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือของ Mr.YE MIN THU คาดว่า มีมูลเหตุจูงใจการกระทำความผิด เพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ข้อมูลส่วนตัวว่าเป็นนักบิน เพื่อไปลวงครอบครัวและแฟนสาว นอกจากนี้ ยังพบผู้กระทำความผิดมีประวัติการเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา โดยเคยศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนไทยแห่งหนึ่ง แต่เรียนไม่จบ และพ้นจากสภาพนักศึกษาแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาในสถาบันการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการเรียนทางออนไลน์ และตลอดเวลาที่อยู่ไทยพบว่าผู้กระทำความผิด มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง โดยพักอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านหัวหมาก
น.ท.สุธีรวัฒน์ ระบุว่า จากการตรวจสอบประวัติของ Mr.YE MIN THU พบเป็นผู้พำนักอยู่ในประเทศไทยมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีการเดินทางเข้า – ออกประเทศไทยอยู่หลายครั้งในฐานะนักศึกษา ครั้งล่าสุดได้รับอนุญาตเป็นครั้งที่ 3 ให้อยู่ในไทยได้ระหว่างวันที่ 17 ก.พ. – 23 เม.ย.2563 แต่ผู้กระทำความผิดไม่ได้ขออนุญาตพำนักในประเทศไทยต่ออย่างถูกกฎหมาย ดังนั้น ทสภ.จึงได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาการอยู่ในประเทศเกินกว่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต (Overstay) ซึ่งจากการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายล่าสุดศาลแขวงจังหวัดสมุทรปราการได้ตัดสินจำคุกผู้กระทำความผิดเป็นระยะเวลา 8 เดือน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ