ส.ส.ก้าวไกล ประชุมออนไลน์ ลุยแก้ปากท้องปชช. ชี้ประชุมสภาฯ อย่าทำเสียโอกาสแก้รธน.
เมื่อวันที่ 5 มกราคม นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล(ก.ก.)ให้สัมภาษณ์ถึงความสำคัญของการประชุมออนไลน์ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 โดยระบุว่า จากกรณีที่สภามีมติให้เลื่อนหรืองดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรออกไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดการเเพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 นั้น ในกรณีดังกล่าว พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วย เพราะการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สามารถดำเนินไปได้ในรูปแบบของการประชุมแบบอิเลกทรอนิกส์ในภาวะที่เป็นปกติใหม่ ( New normal ) ซึ่งหลายประเทศได้ปฏิบัติตามรูปแบบนี้ ไม่น้อยกว่า 20 ประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร นิวซีเเลนด์ หรือแม้กระทั่งฟิลิปปินส์
โดยพรรคก้าวไกลจะดำเนินการจัดประชุม ส.ส.ในการใช้สื่ออิเลกทรอนิกส์ ในรูปแบบประชุมออนไลน์ในวันนี้ ( 5 ม.ค. 64 ) เสมือนการจัดการประชุมปกติ ในทุกวันอังคารของเเต่ละสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม วาระการประชุมวันนี้จะเเตกต่างออกไปกว่าทุกครั้ง ปกติเเล้วจะเป็นวาระในการเตรียมงานเพื่ออภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร แต่ในครั้งนี้จะเป็นการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 เพื่อกำหนดทิศทางร่วมกันว่าจะทำงานกันอย่างไรภายใต้การเเพร่ระบาดของไวรัส
ในประเด็นเเรก การขับเคลื่อนงานคณะกรรมาธิการของพรรคก้าวไกล ทั้ง 4 คณะที่มี ส.ส.ของพรรคเป็นประธาน คือ คณะกรรมาธิการเเรงงาน คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ เเละคณะกรรมาธิการที่ดินฯ เบื้องต้นเห็นตรงกันว่าทั้ง 4 คณะกรรมาธิการจะดำเนินการทำงานอย่างต่อเนื่องในรูปแบบการประชุมออนไลน์ เพราะเชื่อว่า ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ในพื้นที่ภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงผู้ที่มาชี้เเจงสามารถหารือกันผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้ ยกตัวอย่างเช่น คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ จะมีการพิจารณาวาระติดตามการทำงานของการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต. ) ที่จะกำลังจะเกิดขึ้น เเละข้อเรียกร้องเรียนต่างๆที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ.) ที่ผ่านมา
ประเด็นต่อมา คือการหารือวิธีการทำงานของส.ส.ทั้งแบบเขตเเละแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งอยู่ตามพื้นที่ต่างๆว่าจะสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างไร เบื้องต้นจะมอบหมายให้ลงพื้นที่พบประชาชนโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย ทั้ง micro sme และ SME ที่ได้รับผลกระทบจากการสถานการณ์เเพร่ระบาดของไวรัสโคนา 2019 ทั้งที่ต้องปิดกิจการหรือมีภาวะชะลอตัว เพื่อนำปัญหาเหล่านี้มาสะท้อนและจัดทำเป็นนโยบายช่วยเหลือ รวมทั้งจะลงไปเเนะนำแก่ผู้ประกอบการในการหาวิธีเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงการการลดภาระการชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยออกไปได้ ซึ่งการลงพื้นที่จะเป็นไปอย่างระมัดระวังภายใต้มาตรการทางสาธารสุข นอกจากนี้ มีคำถามมาจากหลายพื้นที่ว่ากรณีตลาดนัดถูกสั่งให้ปิดชั่วคราว แต่ทำไมห้างยังคงดำเนินกิจการต่อได้ ซึ่งเป็นกิจการลักษณะเดียวกันและพวกเขาก็พร้อมจัดการให้มีการป้องกันได้เช่นกัน ซึ่งในเรื่องนี้ พรรคก้าวไกลมีความเห็นว่า จะให้ ส.ส.ในเเต่ละพื้นที่ของพรรคประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเเละผู้ประกอบการได้มีการหารือกันถึงเเนวทางเเละมาตรการทางออก เพื่อให้การดำเนินกิจการของตลาดสด ตลาดนัด สามารถดำเนินกิจการได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยง เพื่อไม่ให้พ่อค้า เเม่ค้า ได้รับผลกระทบหนักไปกว่านี้
“เราคิดว่า ประชาชนเสียสละเพื่อที่จะหยุดยั้งต่อการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 มาเพียงพอเเล้วตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2563 มารอบนี้ เรามีความพร้อมมากขึ้น แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะสูงขึ้นก็ตาม เพราะเราสามารถประเมินสถานการณ์ไปให้สอดคล้องกับศักยภาพทางสาธารณสุขได้ อะไรที่สามารถผ่อนคลายและควบคุมให้ปลอดภัยได้ก็ควรจะต้องผ่อนคลาย เพราะการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นระลอกนี้ไม่ใช่ความผิดของประชาชนแต่มาจากความปล่อยปละละเลยของภาครัฐเเละรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่อกรณีเหล่านี้” นายพิจารณ์ กล่าว
นายพิจารณ์ กล่าวกรณีที่ส.ส.ของพรรคก้าวไกลได้ยื่นญัติเสนอให้แก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแบบออนไลน์ ว่า ญัตติดังกล่าว นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ พร้อมด้วย นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เคยยื่นเสนอต่อสภาผู้เเทนราษฎร เพื่อเป็นญัตติด่วนแต่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ระบุว่า ไม่ใช่เรื่องด่วนซึ่งก็ไม่ว่ากัน แต่ขณะนี้ญัตติดังกล่าวได้รับการบรรจุในวาระที่ประชุมที่ 5.4 ซึ่งพวกเราเห็นว่าสมควรเลื่อนญัตติดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา เพื่อให้สามารถดำเนินการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยจัดการประชุมแบบออนไลน์ หรือผสมผสานกับการประชุมรูปแบบ social distancing ได้ โดยใช้ ส.ส.ในตัวเเทนของเเต่ละพรรคการเมืองจำนวน 245 คน หรือเกินกึ่งหนึ่งของสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดมาร่วมประชุมกันแบบรักษาระยะห่าง เพราะผลกระทบในการงดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร 2 สัปดาห์ติดต่อกัน จะทำให้ร่างพระราชบัญญัติต่างๆถูกพิจารณาช้าลง โดยเฉพาะการเเก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องถูกขยายระยะเวลาออกไป หรือกรณีงบประมาณ ซึ่งตนมองดูว่าไม่น่าจะเพียงพอต่อสถานการณ์แบบนี้ จำเป็นต้องใช้กลไกรัฐสภาในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณ ซึ่งนี่คือปัญหาสำคัญที่ควรใช้กลไกสภาทำให้สำเร็จโดยเร็ว
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ