จากกรณีที่ผู้สูงอายุหลายรายถูกเรียกเงินคืนจากเงินผู้สูงอายุที่รับไปจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่รับเบี้ยบำนาญ จากสามี ภรรยา หรือบุตร ทำให้เดือดร้อน
กระบี่ – การสำรวจพบว่ามีผู้เข้าข่ายต้องเรียกเงินคืนจำนวน 109 ราย โดยมีบางส่วนจ่ายคืนแล้ว บางส่วนอยู่ระหว่างการผ่อนจ่ายและบางส่วนอยู่ระหว่างการเจรจา เนื่องจากพบว่า บางรายนั้นก็มีความยากลำบาก ในส่วนนี้ การให้การช่วยเหลือจะพิจารณาเป็นรายไป เช่น กรณีของนางเรียม สุขวิทย์ อายุ 71 ปี ซึ่งถูกทางเทศบาลตำบลทรายขาว อ.คลองท่อม เรียกคืนเบี้ยยังชีพคนชรา และพบว่านางเรียม อาศัยอยู่คนเดียว ลูกๆทำงานที่อื่น ยังชีพด้วยการขายขนมจีน และรับเงินจากบำนาญของสามีที่เป็นอดีตตำรวจที่ถูกยิงเสียชีวิตจากเหตุปิดล้อมโรงพักของคอมมิวนิสต์ เมื่อปี 2521 ซึ่งต้องคืนเงินจำนวนกว่า 6 หมื่นบาท ซึ่งนางเรียม พร้อมที่จะขอผ่อนจ่ายคืนให้แต่อยากให้มีการพิจารณาให้ดีเพราะตอนรับเงินนั้นก็ไม่ทราบกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้และไม่มีเงินก้อน
นครราชสีมา – จากการสำรวจจำนวนผู้สูงอายุที่ถูกเรียกเงินเบี้ยยังชีพคืนในพื้นที่ทั้ง 32 อำเภอ พบผู้สูงอายุที่ถูกเรียกเก็บเบี้ยยังชีพคืนทั้งหมดจำนวน 610 ราย หลังก่อนหน้านี้ 13 รายแรก ได้รับหนังสือเรียกเก็บเงินคืนย้อนหลัง ทั้งเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย โดยให้ผ่อนชำระรายเดือน ใน 3 เดือนแรก ในอัตราเงินที่สูง บางรายเดือนละ 18,000 บาท เช่น กรณีนางชูศรี พูนชัย อายุ 83 ปี ถูกทวงเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจำนวนกว่า 7 0,000 บาท เนื่องจากคุณยายได้รับเงินบำนาญพิเศษจากสมีที่เป็นทหาร และสามีเสียชีวิตในสมรภูมิหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก สงครามมหาเอเชียบูรพา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2506 ซึ่งปัจจุบันคุณยายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ มีนางแสงทิพย์ พูนชัย อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวคอยดูแล
เชียงใหม่ – จากการตรวจสอบข้อมูลของกรมบัญชีกลางพบว่ามีจำนวน 288 รายที่ขอรับสิทธิ์ซ้ำซ้อน อย่างไรก็ตามในจำนวนนี้มี 276 ราย ที่ยังไม่มีการรับเงิน ทั้งนี้ มีเพียง 12 ราย ที่ได้รับเบี้ยไปแล้ว เนื่องจากเป็นผู้ที่รับสิทธิ์ไปก่อนหน้าแล้วตั้งแต่ปี2555 และเป็นผู้ที่ขอรับเบี้ยที่เทศบาล ก่อนที่จะถูกระงับในเดือน ม.ค.63 เป็นต้นมา ซึ่งจะถูกเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุเป็นเงินเฉลี่ยรายละประมาณ 3-6 หมื่นบาท
เชียงราย – นางฟอง อินต๊ะปัญญา อายุ 89 ปี ถูกเรียกเงินคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืนเป็นเงินกว่า 99,200 บาท หลังมีการตรวจสอบพบว่า นางฟอง ได้รับเงินบำนาญกรณีบุตรชายที่เคยเป็นทหารและเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขัดเงื่อนไขการรับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ โดยนางฟอง ให้สัมภาษณ์ว่า ทันทีที่ทราบว่ามีการทวงเงินคืนเป็นเงินเกือบ 1 แสนบาท กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะห่วงว่าจะหาเงินที่ไหนไปคืน เพราะเพียงลำพัง เงินที่ได้เงินบำนาญจากบุตรชายคือ สิบเอกอินสอน ปันตั๋น ซึ่งได้เสียชีวิตขณะทำหน้าที่เป็นทหารอยู่ที่ อ.เชียงคำ จ.พะเยา เมื่อปี 2516 เงินประมาณ 10,000 บาท ก็แทบไม่พอใช้เพราะต้องนำไปรักษาตัวด้วยอาการป่วยหลายโรคโรคหัวใจโต โรคความดันโลหิตสูง โรคน้ำท่วมปอด และไตวายจึงต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง บุตรคนอื่นก็หาเช้ากินค่ำไม่มีเงินมาช่วยเหลือแน่นอน ซึ่งการที่ทาง พม. ยื่นมือมาช่วยก็รู้สึกดีใจมาก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะช่วยได้จริงไหม ซึ่งใจตนอยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว เพราะทำให้คิดมากอาจมีผลต่ออาการป่วยที่ตนเองเป็นอยู่ซึ่งไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่
ลพบุรี – คุณยายแสง สุขคุ้ม อายุ 99 ปี ถูกเรียกรับเงินคืนเป็นจำนวนเงิน 96,321.73 บาท โดยคุณยายเผยว่า ใครจะทำอะไรยายก็ทำไปเถอะไม่มีปัญญาจะไปไหนแล้ว เงินที่ว่าก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหนมาคืนเขา ทุกวันนี้ก็ต้องอาศัยชายคาลูกหลานอยู่ ลูกหลานทุกคนก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนทำมาหากิน เพื่อความอยู่รอดกันทั้งนั้น ซึ่งหากจะต้องติดคุกยายก็ยอม อีกไม่นานยายก็จะอายุ 100 ปีแล้ว
บุรีรัมย์ – พลตรี ชลิต บรรจงปรุ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมาเยี่ยม นางบวน โล่สุวรรณ อายุ 89 ปี ชาวบ้านใน ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ นำข้าวสารอาหารแห้ง พร้อมเงินที่เปิดบริจาคของหน่วยงานทหาร มาชำระหนี้แทนนางบวน ทั้งหมด ที่ถูก อบต.เจริญสุข เรียกเบี้ยคนชรา จำนวน 84,000 บาท (รวมดอกเบี้ย 7.5 เปอร์เซ็นต์) ที่ อบต.จ่ายเบี้ยคนชราให้มานานร่วม 10 ปี
สืบเนื่องจากกรมบัญชีกลางตรวจย้อนหลังพบว่า นายบวน ได้รับเงินสวัสดิการซ้ำซ้อนกับเงินสวัสดิการของ จ.ส.อ.จักราวุทธ โล่ห์สุวรรณ ลูกชาย ซึ่งเป็นทหารสังกัด มทบ.21 นครราชสีมา ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คลังแสงระเบิดที่โคราช เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 และได้รับเงินสวัสดิการจากต้นสังกัดมาโดยตลอด จนล่าสุดเมื่อปี 2562 ได้รับเงินเพิ่มเป็นเดือนละ 10,000 บาท จากที่เคยได้รับเดือนละ 5,000 บาท ซึ่งผิดระเบียบของทางราชการ พลตรีชลิต กล่าวว่า หลังจากรับทราบความเดือดร้อนของครอบครัว จ.ส.อ.จักราวุทธ ถึงแม้จะเสียชีวิตไปแล้ว ทางทหารก็ยังคงเป็นห่วง จึงได้ร่วมกันบริจาคเงินภายในทหาร แล้วเอามาช่วยเหลือครอบครัวทหารที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจว่ายังไงทหารก็ไม่ทิ้ง
นครศรีธรรมราช – ที่สำนักงานสภาทนายความประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนโรงช้าง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายลือชา เปี่ยมสุวรรณ กก.บริหารสภาทนายความภาค 8 พร้อมด้วยคณะกรรมการสภาทนายความจ.นครศรีธรรมราช ได้แถลงข่าวจากผลการประชุมสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีมติให้สภาทนายความทั้ง 9 ภาคทั่วประเทศออกมาให้ช่วยเหลือประชาชนที่ถูกเรียกคืนเงินผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ อ้างว่ารับเงินซ้ำซ้อนนั้น เนื่องจากสภาทนายความเห็นว่าประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องดังกล่าว
ด้าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงปัญหาการจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ที่บางจังหวัดมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนำเอกสารไปให้ผู้รับเบี้ยยังชีพชดใช้เงินแบบผ่อนชำระ ว่า ต้องดูกติกากฎหมาย กฎระเบียบว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้เป็นเรื่องของการทำงาน เพราะฉะนั้นตนได้สั่งการให้พิจารณาเป็นขั้นตอนอาจต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบอะไรบางอย่างซึ่งกำลังหารือกันอยู่ตรงนี้
ยืนยันว่า ตนไม่อยากให้ใครเดือดร้อน แต่ถ้าทุกคนรู้ว่าตนเอง หากทำไม่ถูกต้องก็ขอให้ไปยกเลิก ไม่เช่นนั้นจะเกิดความไม่เป็นธรรมและไม่ท่าเทียมขึ้นได้ บางคนอาจจะรู้ บางคนอาจจะไม่รู้ หรือ รู้เท่าไม่ถึงการณ์บ้าง ก็ต้องพิจารณาไปตามความเหมาะสม เพราะการใช้จ่ายเงินงบประมาณในภาครัฐที่มีสองด้านเสมอขอให้เข้าใจ เช่นเดียวกับกฎหมายทุกตัว จริงๆแล้วก็เขียนว่าคนไทยทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ถ้ามีปัญหาอะไรก็ขอให้ไปต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมก็ว่ากันมา เราก็พยายามแก้ไขในเชิงบริหารให้ได้ด้วย
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการเรียกคืนเบี้ยคนชราย้อนหลังในหลายจังหวัดว่า เรื่องดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรมบัญชีกลางกำลังพูดคุยกันอยู่ แต่ลำดับแรกเขาต้องเรียกก่อน แต่เมื่อเรียกเสร็จแล้วก็จะไปแก้ระเบียบเพื่อไปผ่อนผันอย่างไรเดี๋ยวค่อยว่ากัน กระบวนการเริ่มต้น จะต้องคืนเงินก่อน แต่ถ้าเอาเข้าจริงจะคืนหรือไม่คืนค่อยว่ากัน เข่น หากมีการแก้ระเบียบก็อาจจะไม่ต้องคืน แต่ตอนนี้ต้องหยุดเพื่อที่จะไม่ต้องมีการจ่ายเดือนต่อไป ส่วนการแก้ระเบียบ จะใช้เวลานานหรือไม่ตนยังไม่ทราบเพราะเขาต้องดูว่ามีทั้งหมดกี่เคสและแต่ละเคสเหมือนกันหมดหรือไม่ต้องให้เขาคุยกัน ถ้าผู้สูงอายุสุจริตก็ไม่จำเป็นต้องเดือนเนื้อร้อนใจ ซึ่งส่วนใหญ่ก็สุจริตอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยมาปรึกษาตนแต่ตนก็ได้ติดตามเรื่องนี้อยู่
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ