ด่วน! มติศาลรัฐธรรมนูญ ชี้รัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญได้ “แต่” ต้องให้ประชาชนลงประชามติก่อน และเมื่อทำเสร็จแล้ว ก็ต้องทำประชามติอีกครั้ง
วันที่ 11 มี.ค.2564 เวลา 09.30 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมวินิจฉัยอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภา ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (1) ที่ประธานรัฐสภายื่นมาให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย โดยบรรยากาศที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลการเข้า-ออก และแลกบัตรเป็นปกติตามระเบียบศาล อย่างไรก็ตามได้มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาดูแลภายในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
กระทั่งเวลา 15.30 น. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุผลการพิจารณาว่า คดีนี้เป็นคดีที่ไม่มีผู้ถูกร้อง จึงไม่มีการออกนั่งอ่านคำวินิจฉัยตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 76 วรรคสาม ที่ให้ถือว่าวันที่ศาลลงมติ ซึ่งเป็นวันที่ปรากฏในคำวินิจฉัยเป็นวันอ่าน
ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (10 มี.ค.) ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.)เรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป ซึ่งวาระการประชุมที่สำคัญจะเป็นเรื่องการพิจารณาวาระ 3 ในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าอาจจะมีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง ที่กระบวนการการแก้รัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ ที่ทางรัฐสภาได้พิจารณากระทั่งผ่านมา 2 วาระ และจะมีการลงมติวาระ 3 ในวันที่ 17 มี.ค.นี้ อาจจะต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยดังกล่าว ซึ่งอาจจะต้องเสียงบประมาณแผ่นดินเฉพาะส่วนของการทำประชามติทั้ง 2 รอบ สูงถึง 7,000 ล้านบาท
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ