“อนุทิน” ยัน เฉือนงบบัตรทองจ่ายเงินเดือน ขรก.รุ่นสู้โควิด ไม่กระทบบริการ “นิมิตร์” จี้ รมว.สธ. ถกสำนักงบฯ หาเงินก้อนใหม่จ่าย ปีถัดไปค่อยตั้งงบครอบคลุม ขรก.ใหม่
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่กระทรวงสาธารณสุข กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ นำโดย นายนิมิตร์ เทียนอุดม เข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สธ. เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกเรื่อง ขอให้ยุติการนำเงินเดือนส่วนเพิ่มมาตัดออกจากงบเหมาจ่ายรายหัวในปีงบประมาณ 2565 โดยจดหมายระบุใจความตอนหนึ่งว่า
จากข่าวที่สำนักงบประมาณจะปรับลดงบประมาณหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปีงบฯ 2565 ที่ผ่านการจัดสรรตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2564 ซึ่งจะทำให้งบฯ หายไป 1,814.62 ล้านบาท เท่ากับว่างบฯ ปี 2565 ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
ภาพรวมงบฯ ติดลบ 1.3% กลุ่มคนรักหลักประกันฯ กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการรักษาพยาบาลของประชาชนกว่า 48 ล้านคนในระบบบัตรทอง จึงขอเรียกร้องให้นายอนุทินส่งเสียงแสดงความไม่เห็นด้วย ไม่ยินยอมให้สำนักงบประมาณตัดงบฯ ดังกล่าว
นายอนุทิน กล่าวภายหลังกลุ่มคนรักประกันสุขภาพเข้าพบว่า กลุ่มฯ ได้มาหารือเนื่องจากมีข้อกังวลถึงงบหลักประกันสุขภาพที่มีกระแสข่าวว่าจะถูกปรับลด เกรงจะส่งผลกระทบทำให้ค่าเฉลี่ยรายหัวการรักษาพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพลดลง ตนได้ชี้แจงยอมรับว่าทุกปี สธ.ของบฯ ขาขึ้นไปแต่ก็ถูกตัดทุกครั้งในจำนวนที่มากพอสมควร อย่างไรก็ตามเราอย่าดูเพียงมิติงบรายหัว ขอให้ดูมิติการให้บริการด้วย จึงให้ความมั่นใจกับทางกลุ่มฯ ว่า ไม่มีวันที่ สธ.จะทำให้ค่ารักษาพยาบาลของพี่น้องประชาชนน้อยลง เราไม่ดูที่ค่ารายหัวแต่ดูที่การรักษาพยาบาลให้หายเร็วและได้รับการรักษาที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามงบฯ จะขาดหรือไม่อย่างไร เป็นหน้าที่รมว.สธ.และปลัด สธ.จะต้องติดตามหามาให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ได้
“ผู้ที่ต้องแบกรับต้นทุนค่ารักษาพยาบาลคือ สธ.เราจะไม่ผลักให้พีน้องประชาชนรับภาระ ยืนยันไม่ว่าจะมีการตัดงบฯ อย่างไร จะไม่ให้มีผลกระทบต่อการดูแลหลักประกันสุขภาพของประชาชนแน่นอน” นายอนุทินกล่าว
ด้านนายนิมิตร์ กล่าวว่า เดิมงบเหมาจ่ายรายหัวจะถูกหัก 60% เป็นเงินเดือนให้กับข้าราชการ สธ. ซึ่งการตั้งเบิกปีล่าสุดจะมีการพิจารณาจากหลายปัจจัยต่างๆ ทั้งอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงจำนวนข้าราชการในขณะนั้น โดยปีนี้ได้มา 1.98 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้จะเป็นงบฯ เงินเดือน 5.5 หมื่นล้านบาท แต่หลังจากนั้นกระทรวงมีการบรรจุข้าราชการเพิ่มเติมในกลุ่มที่ระบุว่าทำงานควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งตามหลักควรจะมีการตั้งงบเพิ่มค่าตอบแทนในส่วนนี้ใหม่ แต่กลับมาดึงงบฯ เดิมในส่วนงานควบคุมป้องกันโรค และค่าบริการทางการแพทย์ประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งเครือข่ายมองว่าไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น จึงขอให้ รมว.สธ. เจรจากับสำนักงบฯ ไม่ให้มีการตัดงบฯ ดังกล่าว แต่เป็นหน้าที่สำนักงบฯ ที่ต้องจัดหาเงินมาจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าว และในปีงบฯ ถัดไป สปสช.ก็ตั้งเบิกให้ครอบคลุมเงินเดือนข้าราชการที่เพิ่มเข้ามา.
ข่าวจาก : dailynews
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ