หมอยง ยันไทยพร้อมซื้อวัคซีน ‘โมเดอร์นา-จอห์นสันฯ’ แต่เขาไม่ขายให้





หมอยง ยันไทยพร้อมซื้อวัคซีน ‘โมเดอร์นา-จอห์นสันฯ’ แต่เขาไม่ขายให้ แย้ม ลุ้นผลศึกษาฉีดไขว้ชนิด

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยในการเสวนาวิชาการ เรื่อง “ทางรอดของคนไทย…ด้วยวัคซีนป้องกัน COVID-19” ผ่านเฟซบุ๊กสถานีวิทยุ มก. ถึงประสิทธิภาพชนิดของวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า แต่ละชนิดเปรียบเทียบกันไม่ได้

เพราะการทดลองทำคนละสถานที่ ความชุกประชากรความเสี่ยงไม่เหมือนกัน และทั้งหมดยังไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100% เพียงแต่ป้องกันได้บ้าง สำคัญคือ ป้องกันความรุนแรงของโรค ส่วนสายพันธุ์แอฟริกาใต้มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่หลบหลีกต่อวัคซีน ทำให้แอนติบอดี้จับไม่ได้ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพลดลงในทุกวัคซีน

“แต่สายพันธุ์นี้ แพร่ระบาดไม่เร็ว ทั้งที่เป็นสายพันธุ์ที่เกิดก่อนอังกฤษ ดังนั้น หากแพร่ไม่เร็ว น่าจะอยู่ในการควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์ที่ระบาดทั่วโลกในขณะนี้คือ สายพันธุ์อังกฤษ ส่วนสายพันธุ์อินเดีย ซึ่งแพร่พันธุ์เร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษก็มีโอกาสที่จะแพร่กระจายได้มากขึ้น การฉีดวัคซีนไม่ได้บังคับ ใครไม่เคยเห็นผู้ป่วยโควิด-19 ในไอซียู และเป็นปอดบวมจะไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร”

“หากประเทศไทยอยู่ในขาขึ้น คงนิ่งนอนใจไม่ได้ ต้องให้มีภูมิเร็วสุดทันที่ที่ได้ฉีด ไม่ต้องรีรอ ตัวอย่าง ประเทศอิสราเอล เริ่มฉีดวัคซีนกลางเดือน ธ.ค.63 ใช้เวลา 4 เดือน โรคถึงสงบ อัตราตายในอิสราเอลจาก 50-60 ราย วันนี้เหลือหลักหน่วย ไทยเริ่มรณรงค์เดือนนี้ ทำใจได้ว่าอีก 4 เดือนกว่าจะเห็นผล”

ศ.นพ.ยง กล่าวและว่า ส่วนการออกกฎเกณฑ์ข้อห้ามต่างๆ ก่อนฉีดวัคซีน ข้อห้ามมีอย่างเดียวคือ แพ้วัคซีน และต้องแพ้อย่างรุนแรง แต่เราไม่เคยฉีดวัคซีนนี้มาก่อนจึงไม่รู้แพ้หรือไม่ มีการบอกให้ดื่มน้ำวันละ 5-6 ลิตร ไม่รู้ทำไม แค่ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำก็พอเพียงแล้ว รวมถึงออกกำลังกาย และดื่มกาแฟที่เป็นกิจวัตรประจำวันก็ทำปกติ ไม่ได้เป็นข้อห้าม เพียงแต่ไม่แนะนำเฉพาะคนที่ไม่เคยกินหรือกินแล้วใจสั่น ดำรงชีวิตอย่างไรให้ทำเหมือนเดิมไม่ต้องฝืน

ศ.นพ.ยง กล่าวว่า หากถามว่า วัคซีนฉีดครบแล้ว ต้องฉีดซ้ำหรือไม่ ขณะนี้ อยู่ระหว่างศึกษาระหว่างหลัง 6 เดือน ถึง 1 ปี ส่วนคนท้องฉีดได้หรือไม่นั้น เมื่อวาน (24 พ.ค.64) มีการหารือกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย แนะนำให้สตรีตั้งครรภ์ที่อยู่ในพื้นที้สีแดง ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปให้รับการฉีดวัคซีน เพราะมีข้อมูลถึงหญิงตั้งครรภ์ที่ติดโควิด-19 ทำให้มีอาการรุนแรง

“ขณะนี้ กำลังศึกษาและติดตามข้อมูลการฉีดในหญิงตั้งครรภ์ 100 ราย นอกจากนี้ ไม่มีข้อห้ามฉีดในคนที่ให้นมบุตร ส่วนการฉีดวัคซีนข้ามชนิดยังไม่แนะนำ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาในออกซ์ฟอร์ด อังกฤษ มีการศึกษาระหว่างวัคซีนไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้า ไม่เห็นผลภูมิขึ้นแตกต่าง แต่อาการข้างเคียงเข็มที่ 2 จะมากกว่า โดยเป็นอาการ ไข้ ปวด เจ็บบริเวณที่ฉีดมากขึ้น”

“เรากำลังศึกษาการฉีดไขว้ แต่มีข้อมูลจำนวนหนึ่งที่ฉีดเข็มแรกแพ้ แล้วต้องเปลี่ยน โดยเข็มแรกเป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าฯ พบ 1 เดือนต่อมา มีภูมิต้านทานสูงมาก แต่ตอบไม่ได้ว่าสูงกว่าแอสตร้าฯ 2 เข็มหรือไม่ แต่สูงกว่าซิโนแวค 2 เข็ม ส่วนการศึกษาเข็มแรก ฉีดแอสตร้าฯ 1 เดือนต่อมา ฉีดซิโนแวคนั้น กำลังจะเจาะเลือดตรวจภูมิฯ ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้”

“ขณะนี้ วัคซีนมีหลายบริษัท จะศึกษาการไขว้ไปมาว่าจะเกิดผลอย่างไร ส่วนวัคซีนทางเลือก คนทั่วไปยังไม่เข้าใจ แม้เราขึ้นทะเบียนวัคซีนโมเดอร์นาแล้ว แต่ทราบว่าจะเข้ามาหลังเดือนตุลาคม

ซึ่งจะได้หรือไม่ ยังไม่รู้ รวมถึงวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ก็ขึ้นทะเบียนแล้ว เราพร้อมซื้อ แต่อยู่ที่ต้นทาง เขาไม่ขายให้ เพราะเขามองความมั่นคงของเขาก่อน คงต้องรอวันที่ 4 กรกฎาคม หลังวันชาติที่เขาจะฉีดประชากรให้ครบก่อน” ศ.นพ.ยง กล่าว

 

ข่าวจาก : มติชนออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: