บทสรุป 4 แม่เฒ่าโดนหลานเอาโฉนดไปกู้เงินจนเป็นหนี้ ส่อโดนยึดบ้าน





บทสรุป 4 แม่เฒ่าโดนหลานเอาโฉนดไปกู้เงินจนเป็นหนี้ ชีวิตบั้นปลายส่อโดนยึดบ้าน สุดท้ายหมดหวัง เจ้าหนี้ยืนกรานไม่ขายบ้านคืนให้

จากกรณีพี่น้อง 4 แม่เฒ่า อายุตั้งแต่ 77-94 ปี ชาว จ.สุโขทัย ถูกไล่ให้ออกจากบ้านและที่ดิน เนื่องจากหลานเคยเอาโฉนดไปใช้กู้เงิน แล้วไม่มาใช้หนี้ ทำให้ที่ดินถูกขายทอดตลาดไปเมื่อปี 2562 ในราคา 9.8 แสนบาท ต่อมา ศาลสั่งขยายเวลา 4 แม่เฒ่า ย้ายออกจากบ้านไปอีก 30 วัน ล่าสุดยอดบริจาคช่วยเหลืออยู่ที่ 1.5 ล้าน แต่ทางด้านเจ้าหนี้ต้องการขายคืนในราคา 2 ล้านบาท ซึ่งทางด้าน 4 แม่เฒ่าก็ทำใจเก็บของเตรียมย้ายออก แต่ก็ยังหวังให้เจ้าหนี้ขายบ้านคืนให้

ความคืบหน้าล่าสุด (26 มิถุนายน 2564) ช่อง 3 รายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปยังบ้านของคุณยาย 4 พี่น้องเพื่อให้การช่วยเหลือ

คุณยาย 4 พี่น้องอยู่บ้านนี้มาตั้งแต่เล็ก ต้องถูกขายทอดตลาดหลังหลานเอาบ้านไปก่อหนี้

เรื่องราวเริ่มต้นมาจากการที่หลานของคุณยายทั้ง 4 มาขอใช้โฉนดในการไปกู้เงินเพื่อไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน ด้วยความรักและหวังเห็นอนาคตของหลาน คุณยายทั้ง 4 จึงให้หลานเอาโฉนดที่ดินจำนวน 4 แปลง ของคนในครอบครัวไปค้ำประกันเงินกู้จากเจ้าหนี้รายหนึ่ง จำนวน 450,000 บาท โดยเป็นที่ดินทำกิน 3 แปลง รวมประมาณ 12 ไร่เศษ และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3 งาน 97 ตารางวา คือบ้าน 3 หลังที่แม่เฒ่าทั้ง 4 อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่

ทว่า หลานชายที่ไปทำงานที่ไต้หวันก็ถูกหลอกไม่มีเงินกลับมาใช้หนี้ได้ ทางเจ้าหนี้จึงแต่งตั้งทนายมาทวงถาม และในที่สุดมีการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไป เมื่อปี 2562 รวม 3 แปลงเป็นเงิน 980,500 และมีส่วนต่างเงินคืนให้ลูกหนี้ จำนวน 365,000 บาท ซึ่งเจ้าหนี้ได้ยื่นคำขาดว่าจะเข้ามายึดบ้านหลังนี้ในวันที่ 17 มิถุนายน 2564

คนช่วยบริจาคได้ยอด 1.5 ล้าน แต่เจ้าหนี้ขอขายในราคา 2 ล้าน ศาลยืดเวลาให้อยู่บ้านได้อีก 30 วัน

นายลวง อนุเคราะห์ ลูกชายของนางโปรย คุณยายผู้ร้องเรียน พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสุโขทัย เพื่อขอขยายระยะเวลาให้แม่เฒ่าทั้ง 4 คน และครอบครัว ได้อยู่บ้านต่อไปอีก 60 วัน เพื่อเจรจากับเจ้าหนี้อีกรอบหนึ่ง ซึ่งต่อมาในช่วงบ่าย ทนายความแจ้งว่าศาลได้อนุญาตให้ขยายเวลา 30 วัน

นายลวง เผยว่ามีผู้บริจาคช่วยเหลือยอดเงินอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถซื้อบ้านคืนได้ เนื่องจากเจ้าหนี้ต้องการขายคืนในราคา 2 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการไกล่เกลี่ยขอซื้อบ้านคืนมาตลอด แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องราคา

4 แม่เฒ่าทำใจ เตรียมเก็บของย้ายออก ไม่มีหวังได้บ้านคืน

นายปรีชา สุทนต์ นายอำเภอศรีสำโรง เปิดเผยว่า ตลอดเวลาเกือบ 20 ปี เจ้าหนี้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างถูกต้องมาโดยตลอด และไกล่เกลี่ยทุกครั้ง ทางเจ้าหนี้ก็ให้ความร่วมมือ จนล่าสุดยืดเวลาให้ 4 แม่เฒ่าอยู่บ้านเดิมได้อีก 30 วัน และต้องขนของออกจากพื้นที่ภายในเวลา 09.00 น. วันที่ 16 กรกฎาคม 2564

ด้าน 4 แม่ฒ่ายังมีความหวังให้เจ้าหนี้ยอมขายบ้านและที่ดินคืนให้ แต่ก็ทยอยเก็บข้าวของไปฝากไว้ที่บ้านเช่าแล้ว และมองหาบ้านใหม่ที่จะซื้อ เป็นบ้านเดี่ยว 1 ชั้น ห่างจากบ้านเดิมราว 5.6 กิโลเมตร

สมศักดิ์ เทพสุทิน เข้าเป็นตัวกลางช่วยคุย แต่เจ้าหนี้ยืนกรานไม่ขายคืน

วันที่ 26 มิถุนายน 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เป็นตัวคนกลางเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของที่ดินรายใหม่ เพื่อขอซื้อที่ดินดังกล่าวคืนให้กับคุณยายทั้ง 4 โดยได้เดินทางไปพูดคุยก่อนหน้าที่จะเดินทางมาเยี่ยมคุณยายทั้ง 4 คน

รายงานข่าวระบุความคืบหลังเจรจาว่าเจ้าหนี้ยังไม่พร้อมที่จะขายบ้านคืนให้ 4 แม่เฒ่า ท่ามกลางความหวังของคุณยายทั้ง 4 ที่นั่งเฝ้าคอยว่าจะได้อยู่บ้านของตนเองต่อจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ หลังที่ทราบข่าว 4 แม่เฒ่าต่างรู้สึกเสียใจ

– ยายตะล่อม ทิมแย้ม น้องสาวคนเล็กกล่าวด้วยน้ำตาว่าตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก อยากได้บ้านหลังเดิมแต่ก็ขอขอบคุณทุก- ท่านที่เข้ามาช่วยเหลือ
– ยายแฉล้ม ทิมแย้ม พี่สาวคนที่ 3 กล่าวว่ารู้สึกเสียใจมากและทำใจไม่ได้หากต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้ และไปอยู่ที่ใหม่
– ยายศรีนวล ทิมแย้ม พี่สาวคนที่ 2 หลังจากทราบข่าวต่างไม่พูดจาอะไรได้แต่ร้องไห้ด้วยความเสียใจ และด้วยสุขภาพที่ไม่แข็งแรงได้เป็นลมล้มพับจน จนท.อสม. ต้องเข้ามาดู
– ยายโปรย อนุเคราะห์ ซึ่งเป็นพี่สาวคนโตได้แต่นั่งเสียใจ และกล่าวไม่อยากไปอยู่ที่ไหนเพราะอยู่ที่บ้านนี้มาตั้งแต่เกิดจนตอนนี้อายุ 94 ปีแล้ว

เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมซื้อที่ดินและสร้างบ้านใหม่ พร้อมจัดสรรเงินบริจาค

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมซื้อที่ดิน 2 งาน สร้างบ้านชั้นเดียวยกพื้นปูน จำนวน 2 หลัง เพื่อให้อยู่ 2หลังในลักษณะเดิม และให้เช่าบ้านระแวกใกล้เคียงอยู่ก่อนที่จะสร้างบ้านเสร็จ และขนย้ายข้าวของออกก่อนวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ตามที่ได้ขอขยายเวลาอยู่อาศัยไว้

ส่วนยอดเงินบริจาคขณะนี้มียอดบริจาคหวังใช้เงินจำนวนนี้ซื้อบ้านยายคืน รวม 1,750,525 บาท นั้น นายปรีชา สุทนต์ นายอำเภอศรีสำโรงได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ในการบริหารจัดการเงินก่อนนี้

โดยหลังจากสร้างบ้านเสร็จ จะจัดสรรให้ยายทั้ง 4 คน เป็นรายเดือน โดยตั้งเป้าหมายไว้ให้มีเงินใช้ทุกเดือนถึงอายุ 110 ปี และจัดสรรส่วนหนึ่งเป็นสวัสดิการกองกลางของครัวเรือานที่จะสร้างให้ใหม่จะไม่ทันกำหนดระยะเวลา ทำให้ต้องย้ายไปอยู่บ้านเช่าที่ได้เช่าไว้ก่อนหน้านี้เป็นการชั่วคราว

 

ข่าวจาก : kapook

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: