ส่องแนวทางเยียวยา 10 จังหวัดเคอร์ฟิว ช่วยเหลือกิจการที่กระทบ ลูกจ้างนายจ้างทั้งในและนอกประกันสังคม จ่อเพิ่มเงินเราชนะ-ม.33 เรารักกัน ส่วนคนละครึ่ง อาจไฟเขียวจ่ายเดลิเวอรี่ รอเสนอ ครม . วันนี้
จากกรณี ศบค. มีคำสั่งการล็อกดาวน์พื้นที่ระบาด โควิด-19 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด เริ่มมีผลวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้มีการห้ามออกนอกเคหสถานในเวลา 21.00-04.00 น. โดยบางกิจการถูกห้ามเปิด บางกิจการถูกลดเวลาเปิดนั้น
เกี่ยวกับมาตรการเยียวยานั้น วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมมาตรการในการช่วยเหลือ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันนี้ ( 13 กรกฎาคม )
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า มาตรการที่จะเสนอให้กับ ครม.พิจารณาการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศ ศบค. ล่าสุด ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจและแรงงานก่อสร้าง ร้านอาหารและศิลปะ บันเทิง สันทนาการ หลังจากที่ ครม. ได้ออกมาตรการช่วยเหลือ สถานเสริมความงาม ร้านนวดเพื่อสุขภาพ สปา โดยแนวทางแบ่งเป็น
แรงงานในระบบประกันสังคม กลุ่มลูกจ้างจะได้รับเงิน 50% ของค่าแรง แต่ไม่เกิน 7,500 บาท
แรงงานสัญชาติไทยได้รับเงินพิเศษอีก 2,000 บาทต่อราย
กลุ่มนายจ้างหรือผู้ประกอบการได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อราย แต่ไม่เกิน 200 คน
ส่วนกิจการที่อยู่นอกระบบประกันสังคมก็จะได้รับความช่วยเหลือ โดยต้องยื่นลงทะเบียนกับระบบประกันสังคมภายใน 1 เดือน โดย
ลูกจ้างสัญชาติไทยได้รับเงินเยียวยาคนละ 2,000 บาท
นายจ้างได้รับความช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อราย แต่ไม่เกิน 200 คนเช่นกัน
ขณะที่ สำนักข่าวไทย รายงานว่า มาตรการเยียวยาประชาชนเพิ่มเติมที่จะถูกเสนอต่อ ครม. เช่น การเพิ่มเงินในโครงการ เราชนะ / ม.33 เรารักกัน และอาจจะมีโครงการใหม่ออกมาเพิ่มเติม ส่วนโครงการ คนละครึ่งเฟส 3 ที่ไม่สามารถซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ หรือเดลิเวอรี่ได้นั้น กระทรวงการคลังเตรียมประชุมร่วมกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ เพื่อเปิดทางให้เข้าร่วมโครงการนี้ได้ ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพแก่ประชาชนอีกทางหนึ่ง รวมถึงการพิจารณามาตรการลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชน และกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี โดยวันนี้จะมีการแถลงรายละเอียดอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ชี้แจงว่า งบประมาณที่จะนำมาใช้ในการเยียวยารอบนี้ จะมาจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งการใช้งบประมาณ อนุมัติโครงการต่าง ๆ ยืนยันว่า จะสามารถทำได้เร็ว เพื่อเยียวยาช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที สำหรับกรณีประกันสังคมก็สามารถจ่ายเยียวยาได้เลย ยกเว้นโครงการที่ต้องใช้เงินกู้ ต้องผ่านคณะกรรมการแล้วเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป
ข่าวจาก : kapook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ