ประธานศาลฎีกา ประกาศใช้วิธีการอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักยื่นฟ้อง-นั่งพิจารณา-อ่านคำพิพากษา มีผลตั้งแต่ 23 ก.ค. เหตุ ห่วงใยความปลอดภัยช่วงโควิดและความสะดวกของประชาชน แต่ละศาลกำหนดวิธีปฏิบัติเองได้
วันนี้ (25 ก.ค.64) นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ทำให้ต้องคำนึงถึงเรื่องสุขอนามัยอย่างมาก โดยเฉพาะความปลอดภัยที่ต้องป้องกันความเสี่ยงการรับเชื้อ ที่ต้องเน้นการเว้นระยะห่างสัมผัสใกล้ชิดระหว่างบุคคล และการระมัดระวังต่อการเดินทางไปยังสถานที่มีผู้คนพลุกพล่าน โดยสถานการณ์ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องนั้น ในส่วนของผู้ที่อาจจะมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเป็นคดีหรือต้องใช้สิทธิ์ทางศาลระหว่างนี้อาจเกิดความกังวลตามมาว่าหากมีความจำเป็นต้องขึ้นศาลจะทำอย่างไรนั้น
นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา จึงได้ลงนามประกาศ “ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการดำเนินคดีแพ่งระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564” เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.นี้เป็นต้นไป
โดยสาระสำคัญ ได้กำหนดให้ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักในการยื่นคำฟ้อง การนั่งพิจารณา การอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คู่ความฟัง ซึ่งการดำเนินการนั้นให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2563 และประกาศสำนักงานศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้องเท่าที่พอจะใช้บังคับได้
สำหรับวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้ในการยื่นคำฟ้องนั้น เช่น บริการฟ้องออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing การติดตามผลคดี-การขอคัดคำสั่ง คำพิพากษา ผ่านระบบ CIOS โดยการส่งหมายสามารถส่งผ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-mail ได้
ส่วนการนั่งพิจารณาและการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คู่ความฟัง สามารถใช้การประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) ได้ ผ่านโปรแกรมบนสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เช่น Google meet โปรแกรม Zoom Cisco WebEx Microsoft team หรือผ่านแอปพลิเคชันอื่น โดยเมื่อศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใด ๆ ในคดีแล้วให้เจ้าหน้าที่นำเข้าข้อมูลคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น ลงในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของศาลให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันด้วย เพื่อให้คู่ความตรวจดูและขอคัดสำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติตามระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการดำเนินคดีแพ่ง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ละศาลอาจกำหนดแนวทางปฏิบัติของแต่ละศาลเองได้ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้
โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวย้ำว่า ประธานศาลฎีกาในฐานะผู้บริหารสูงสุดของศาลยุติธรรม ตระหนักอย่างยิ่งถึงการอำนวยความยุติธรรมที่ต้องเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรมทั่วถึง และปลอดภัยในด้านสุขอนามัยของทุกคน ที่เกี่ยวข้องที่ต้องจัดการคดีในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค ขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมาศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม ได้พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์และช่องทางการบริการผ่านระบบออนไลน์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนให้คู่ความและทนายความใช้บริการทางศาลผ่านทางออนไลน์ได้สะดวก ขณะที่หากมีการพิจารณาคดีศาลก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการคัดกรอง รวมทั้งมาตรการทางสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด
ข่าวจาก : nationtv
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ