เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการให้สัญชาติไทยกับโค้ชเช ยอง ซ็อก ว่า ขอเรียนว่าขณะนี้ทางกรมการปกครองยังไม่ได้รับเอกสารหลักฐานเรื่องการขอสัญชาติจากโค้ชเชแต่อย่างใด หากมีการยื่นเอกสารหลักฐานเข้ามาอย่างถูกต้อง อาทิ หลักฐานการพักอาศัยอยู่ในเมืองไทย หลักฐานการเสียภาษี ใบอนุญาตทำงาน
โดยเฉพาะหนังสือสละสัญชาติของโค้ชเช ทางกรมการปกครองก็พร้อมพิจารณาเอกสารหลักฐาน และจะดำเนินการตามกฎหมายให้อย่างรวดเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นบุคคลที่ทำคุณงามความดีให้กับประเทศ คาดว่าไม่มีปัญหาอะไร
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 กำหนดว่าต้องเลือกถือสัญชาติเดียว ซึ่งผู้ที่จะขอแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1.บรรลุนิติภาวะแล้ว 2.มีความประพฤติดี ผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พฤติการณ์ทางการเมือง ยาเสพติด และพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3.มีอาชีพเป็นหลักฐาน มีใบอนุญาตทำงาน มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 80,000 บาทต่อเดือน
โดยแสดงหนังสือรับรองเงินเดือน หรือรายได้ด้วย มีหลักฐานการเสียภาษีมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีในรอบปีก่อนที่ยื่นคำขอ 4.กรณีทำความดีความชอบเป็นพิเศษต่อประเทศไทย หรือทำคุณประโยชน์ให้แก่ทางราชการ ตามมาตรา 11(1) ของ พ.ร.บ.สัญชาติ 2508 ได้รับการยกเว้นคุณสมบัติของผู้ขอแปลงสัญชาติ ตามมาตรา 10(4) ในเรื่องการมีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ยื่นคำขอ 5 ปี (มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว) และตามมาตรา 10(5) มีความรู้ภาษาไทย
โดยพูดภาษาไทยและฟังภาษาไทยเข้าใจได้ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.สัญชาติฯ ยังบัญญัติว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจถอนสัญชาติไทยแก่ผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติเมื่อปรากฏว่ามีหลักฐานแสดงว่าผู้แปลงสัญชาตินั้นยังใช้สัญชาติเดิม
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ