“หมอนิธิ” เผยสัปดาห์นี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะไม่เปิดระบบให้จอง “ซิโนฟาร์ม” แต่อาจเป็นการเปิดระบบให้จองวัคซีนหลักแทน
ศ.นพ. นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Nithi Mahanonda” แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” ว่าเดินทางถึงประเทศไทยอีก 2 ล้านโดส เมื่อรวมกับของเก่าก่อนหน้าที่ 5 ล้านโดส จึงทำให้ปัจจุบัน วัคซีนทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” มาถึงไทยแล้ว 7 ล้านโดส
ขณะเดียวกันมีประชาชนสอบถาม เรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับวันพุธนี้ว่าจะมีการเปิดระบบจอง “ซิโนฟาร์ม” สำหรับประชาชนทั่วไปหรือไม่
โดยศ.นพ. นิธิ มหานนท์ ได้มีการคอมเมนต์กลับว่า “มีแต่วัคซีนหลักก่อนครับ”
หลังจากนั้นไม่นาน ศ.นพ. นิธิ มหานนท์ ได้มีการโพสต์อธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดดังกล่าวว่า ขออธิบายรายละเอียดเผื่อหลายๆคนที่ไม่ได้ติดตามจุดกำเนิดวัคซีนตัวเลือก Sinopharm นะครับ
วัคซีนตัวนี้ไม่ใช่วัคซีนหลัก ไม่ใช่วัคซีนทางเลือกที่กำหนดกันไว้จากคณะกรรมการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลมาแต่แรก (วัคซีนหลักคือรัฐจัดหาด้วยงบประมาณแผ่นดินจากภาษีอากรเรา[สำหรับคนที่เสียภาษี]เพื่อให้บริการแก่ประชาชนฟรี และวัคซีนทางเลือกคือวัคซีนที่สถานพยาบาลเอกชนสามารถหาซื้อได้ไปให้บริการแก่คนที่อยากเสียเงินตัวเอง)
Sinopharm เกิดขึ้นเพราะมีภาคอุตสาหกรรม/ธุรกิจและภาคสังคมที่เป็นกลุ่ม(ขอย้ำว่าเป็นกลุ่มนะครับ)ที่ยังช่วยประคับประคองเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศได้อยู่ ต้องสามารถดำเนินกิจการหรือกิจกรรมได้ไปอย่างต่อเนื่อง เช่นภาคส่งออก การศึกษา บุคลากรการแพทย์ที่ตกสำรวจ และภาคบริการ และพร้อมที่จะช่วยแบ่งเบาภาระรัฐ(จริงๆแบ่งเบาภาระเราจากภาษีและหนี้ภาครัฐ) ด้วยการซื้อวัคซีนไปให้กับพนักงาน หรือบุคลากรในความดูแลได้ มาช่วยกันซื้อวัคซีน Sinopharm นี้ (ที่มีมาจัดให้บุคคลธรรมดาทั่วไปได้บ้างในตอนหลังเพราะมีบริษัทที่ไม่ได้มาติดตามโอนเงินประกอบกับมีการระบาดสูงขึ้น จึงได้แบ่งมาจัดสรรให้บุคคลทั่วไปด้วยอย่างรีบด่วน-ระบบหน่วยงานเล็กๆไม่มีเครือข่ายไม่ได้เตรียมพร้อมและไม่สามารถดูแลได้ดีและทั่วถึงจึงมีปัญหาอย่างที่ผ่านมาครับ)
ลองดูตัวเลขด้านบนโดยประมาณนะครับ วัคซีนทั้งหมด(หรือเกือบหมด)ได้รับการจัดสรรหมดแล้ว(อย่าลืมรวมสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ที่เป็นกติกาไว้ให้ทุกองค์กรได้ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางกันด้วยครับ)
ดังนั้นวัคซีนสิบล้านแรก(ถ้ามาครบตามนัด)ถึงสิ้นเดือนนี้ จัดสรรหมดแล้วครับ จากประสบการณ์จะมีความช้าในขั้นตอนต่างๆหลังจัดสรร วัคซีนจะใช้เวลาประมาณสองถึงสามอาทิตย์ถึงจะไปอยู่ในตัวทุกๆคนได้ ซึ่งเรื่องนี้เดี๋ยวจะลองปรับวิธีการสำหรับการจัดสรรในเดือนหน้า ที่ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน(คนจัดสรร คนรับจัดสรร คนฉีด และคนรับฉีดครับ) ด้วยเช่นกันนะครับ
สำหรับเดือนหน้าเราจะทำตามวัตถุประสงค์แรกของวัคซีนตัวเลือก Sinopharm คือจะกลับไปที่กลุ่มนิติบุคคลเช่นเดิมก่อน โดยที่จะขอให้ทุกนิติบุคคลเตรียมหาสถานที่บริการฉีดไว้ล่วงหน้าซึ่งจะต้องมีเป็นเอกสารยืนยันมาพร้อมกับเอกสารกำกับอื่นๆว่ามีสถานพยาบาลลงนามรับบริการฉีดภายในห้าวันหลังจากได้รับการจัดสรร (ซึ่งในส่วนนิติบุคคลต้องเตรียมพร้อมด้วยเช่นกันในการโหลดชื่อพนักงาน/คนขึ้นระบบอย่างรวดเร็วด้วย-เรื่องนี้เป็นจุดที่ช้าและมีปัญหามากสำหรับองค์กรเล็กที่ไม่มีฝ่ายบุคคลและไอทีช่วย ขอให้เตรียมการไว้ล่วงหน้ากันด้วยครับ) “ใครพร้อมก่อนได้ก่อน” เราจะจัดสรรเรียงลำดับไปในแต่ละกลุ่ม(บริษัทใหญ่ บริษัทเล็ก อปท. และนิติบุคคลที่เป็นสถานพยาบาลเอกชน) อาทิตย์ละหนึ่งครั้งตามจำนวนวัคซีนที่ราชวิทยาลัยจะได้รับการยืนยันจากจีนอาทิตย์ละหนึ่งครั้งโดยประมาณเช่นกัน(เบื้องต้นเดือนกันยายน/ตุลาคมไม่น้อยกว่าสิบล้านอาจบวกลบได้สิบเปอร์เซ็นต์)
บุคคลธรรมดาทั่วไปคงยังไม่มีการจัดสรรให้ในช่วงแรก แต่ทางราชวิทยาลัยเตรียมทางออกไว้ให้ดังนี้ครับ
1)จะเปิดจองวัคซีนหลักเพื่อมารับการฉีดที่ราชวิทยาลัยเพราะเราเพิ่งจัดการกับคนในคิวเดิมหลายแสนหมดไปพอดีครับ วัคซีนหลักนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายนะครับและดีเหมือนๆกันหมด ที่ราชวิทยาลัยยังไม่มีนโยบายฉีดข้ามชนิดในขณะนี้เว้นเป็นงานวิจัยหรือแพทย์เห็นสมควร
2)สำหรับบุคคลธรรมดาทั่วไปในต่างจังหวัดท่านจะได้จากองค์กรปกครอส่วนท้องถิ่นของท่าน และทางราชวิทยาลัยจะส่งวัคซีนSinopharm ผ่านระบบ พอสว. ไปในจังหวัดที่มี พอสว.เพื่อช่วยกระจายระบบการฉีด โดยทั้งสองทางนี้ ท่านจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆนะครับ มีใครเรียกเก็บเงินไม่ว่ากรณีใดๆช่วยแจ้งความหรือส่งมาให้ราชวิทยาลัยทราบพร้อมหลักฐานด้วยครับ
3)ในกลุ่มนิติบุคคลกลุ่มที่สี่ที่เพิ่งจัดให้ใหม่คือจะมีนิติบุคคลที่เป็นสถานพยาบาลเอกชนที่ขอรับจัดสรรไปเพื่อให้ไปช่วยฉีดให้กับคนไข้เขาได้เองเลยหรือใกล้บ้านใครก็เข้าไปนัดฉีดได้เลยโดยไม่ต้องทำการโหลดชื่อขึ้นระบบให้เสียเวลาก่อนการนัดฉีด เพราะเขาจะมีวัคซีนรออยู่ในโรงพยาบาลแล้ว(แต่เขาต้องส่งชื่อท่านขึ้นระบบหมอพร้อมของกระทรวงเมื่อท่านไปรับการฉีดแล้วเหมือนปกติ)
ในเดือนกันยายนผมหวังว่าเราจะได้รับการขยายอายุการฉีดวัคซีนให้ในเด็กจากทาง อย. ได้สำเร็จ เพราะทางประเทศจีนประเทศผู้ผลิตได้อนุญาตให้ใช้ได้ไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ประสานกันอยู่อย่างใกล้ชิดครับ
ข่าวจาก : PPTV Online
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ