หมอโอภาส เผย ไทยฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 40 ล้านโดส พบเสียชีวิตจากวัคซีนแค่รายเดียว





หมอโอภาส เผย ไทยฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 40 ล้านโดส พบเสียชีวิต 628 ราย พิจารณาแล้วเกี่ยวข้องกับวัคซีนจริงๆแค่รายเดียว จากภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมเกล็ดเลือดต่ำ

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยวัคซีนโควิด 19 แล้วเกือบ 40 ล้านโดส คาดว่าสิ้น ก.ย.นี้น่าจะฉีดได้ 45 ล้านโดส

จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนโควิด 4 ตัวที่ใช้ในไทย ใช้มากที่สุดคือ แอสตร้าเซนเนก้า ตามด้วยซิโนแวค ซิโนฟาร์ม และไฟเซอร์ พบว่าผลข้างเคียงคล้ายกัน คือ ไข้ ปวดศีรษะ เวียนหัว ถือว่าไม่รุนแรง พัก 1-2 วัน ทานยาลดไข้แก้วิงเวียนก็ดีขึ้น

แต่ที่เราติดตามคืออาการรุนแรง โดยเฉพาะการแพ้วัคซีน ซึ่งซิโนแวคพบ 24 ราย คิดเป็น 0.1 ต่อแสนโดส รักษาหายปกติทุกราย, แอสตร้า พบ 6 ราย คิดเป็น 0.04 ต่อแสนต่อโดสหายเป็นปกติ, ซิโนฟาร์ม พบ 193 ราย คิดเป็น 4.46 ต่อแสนโดส แต่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติม เพราะการฉีดยังไม่มากพอ

ส่วนภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำหลังฉีดแอสตร้าฯ พบ 5 ราย คิดเป็น 0.03 ต่อแสนโดส ขณะที่ไฟเซอร์ที่พบกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ประเทศไทยพบ 1 รายหลังฉีด 1 ล้านโดส คิดเป็น 0.1 ต่อแสนโดส รักษาหายปกติ ภาพรวมถือว่าวัคซีนหลักที่เราใช้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ หากพบสัญญาณไม่ปลอดภัยจะแจ้งเตือนประชาชนต่อไป

ส่วนการเสียชีวิตหลังรับวัคซีนนั้น โดยทั่วไปเมื่อฉีดวัคซีนจะมีการติดตามไป 1 เดือน หากมีอาการผิดปกติเข้า รพ.หรือเสียชีวิต ต้องพิสูจน์เกิดจากวัคซีนหรือไม่ โดยจะขอชันสูตรเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณา

จากการฉีดเกือบ 40 ล้านโดส มีรายงานเสียชีวิต 628 ราย คณะผู้เชี่ยวชาญพิจารณาแล้ว 416 ราย ส่วนใหญ่ คือ 249 รายไม่เกี่ยวกับวัคซีน เช่น ติดเชื้อในระบบประสาท ปอดอักเสบรุนแรง ติดเชื้อในกระแสเลือด มะเร็ง เลือดออกในช่องท้อง และรับประทานเห็ดพิษเสียชีวิต

ส่วนอีก 32 รายยังไม่สามารถสรุปได้ และพบเกี่ยวกับวัคซีน 1 ราย คือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมเกล็ดเลือดต่ำ หลังฉีดไปเกือบ 40 ล้านมีรายเดียวเกี่ยวข้องกับวัคซีนถือว่า มีความปลอดภัย มีประโยชน์มากกว่าเมื่อเทียบกับอาการไม่พึงประสงค์ จึงให้ฉีดต่อไปในระดับประเทศ

สำหรับอาการลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ (VITT) เป็นกลุ่มโรคใหม่ เกิดได้จากการฉีดแอสตร้าฯ ต่างประเทศพบมาก 0.7 ต่อแสนโดส ไทยพบไม่กี่ราย 0.03 ต่อแสนโดส น้อยกว่าต่างประเทศเกือบ 10 เท่า มีผู้ป่วยสงสัย VITT 5 ราย ยืนยันว่าเป็น VITT รายเดียว เข้าข่าย 2 ราย และสงสัย 2 ราย ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเกิดได้น้อยมาก รักษาหายได้ถ้าวินิจฉัยรวดเร็ว จึงต้องเร่งรัดให้บุคลากรทราบภาวะ VITT เพื่อวินิจฉัยโรครวดเร็ว เพิ่มพัฒนาการตรวจห้องปฏิบัติการ

สำหรับประชาชน หากฉีดวัคซีนแล้วปวดหัวรุนแรง แขนขาอ่อนแรง ปากหรือหน้าเบี้ยวคล้ายอัมพฤกษ์ เจ็บหน้าอก หายใจติดขัด ขาบวม ปวดท้องรุนแรง หรือพบจุดเลือดออก ภายหลังรับวัคซีน 4-30 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ และแจ้งว่ารับวัคซีนอะไรเพื่อวินิจฉัยต่อไป อาการเหล่านี้เกิดไม่บ่อย วัคซีนยังมีความปลอดภัยสูง

ส่วนภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการฉีดวัคซีน mRNA นั้น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเกิดได้หลายสาเหตุ ทั้งการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย โรคโควิดก็ทำให้เกิดได้ ความชุกการเกิดปกติอยู่ที่ 10 รายต่อแสนราย ส่วนประเทศไทยปกติพบ 2-3 ต่อแสนคน

สำหรับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 8 แสนกว่าโดส พบ 1 ราย คิดเป็น 0.1 ต่อแสนโดส เป็นชาย มีอาการแน่นหน้าอก ไม่พบติดเชื้ออื่น ไม่รุนแรงรักษาหายปกติ ดังนั้น หากฉีดวัคซีน 4-30 วัน มีอาการใจสั่น เจ็บหน้าอก ให้แจ้งแพทย์ดูแลรักษาต่อไป

 

ข่าวจาก : ข่าวสด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: