ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดข้อมูล ผู้ปกครอง 90% ยินดีให้ลูกฉีดวัคซีน สพฐ.ย้ำ!! ใช้ไฟเซอร์ฉีดนักเรียน เริ่มเปิดยื่นความประสงค์ 21 ก.ย. ได้วัคซีน 28 ก.ย.นี้
วันที่ 20 ก.ย.64 นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการฉีดวัคซีนให้นักเรียนอายุ 12-18 ปีนั้น ว่า จากการทำความเข้าใจเบื้องต้นผู้ปกครองกว่าร้อยละ 90 ที่ยินดีให้ลูกฉีดวัคซีน ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ. )แจ้งว่าวัคซีนจะเข้ามาวันที่ 28 กันยายนนี้ ดังนั้นคาดว่านักเรียนจะได้รับการฉีดวัคซีนตามวันและเวลาที่กำหนดแน่นอน
ด้าน นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อยู่ระหว่างสร้างความเข้าใจถึงข้อดีของการได้รับวัคซีนเพื่อให้ผู้ปกครองใช้ประกอบการตัดสินใจ ในใบแจ้งความประสงค์ยินยอม หรือไม่ยินยอมซึ่งตรงนี้ เป็นสิ่งที่สพฐ. กำลังรอตัวเลขที่ชัดเจนเช่นเดียวกัน เพราะยังไม่ถึงช่วงเวลาที่เปิดให้ผู้ปกครองแสดงความประสงค์ โดยจะเริ่มเปิดให้ยื่นความประสงค์ต่อสถานศึกษา ในวันที่ 21-24 กันยายน จากนั้นสถานศึกษาจะส่งข้อมูลให้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ก่อนส่งให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เพื่อจัดส่งให้สาธารณสุขจังหวัด ดำเนินการจัดสรรวัคซีนต่อไป คาดว่าขั้นตอนต่างๆ จะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ โดยวัคซีนที่จะจัดฉีดให้นักเรียนจะเป็นไฟเซอร์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ให้การรับรอง
นายอัมพร กล่าวต่อว่า กรณีผู้ปกครองที่ไม่ยินยอมให้บุตรหลานฉีดวัคซีน และเมื่อมีการเปิดเทอม 2 เด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะสามารถเรียนร่วมกับเด็กที่ได้รับการฉีดวัคซีนได้หรือไม่นั้น การให้เด็กเรียนออนไซต์ หรือให้มาเรียนที่โรงเรียนไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่า เด็กทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจึงจะเปิดให้เรียนออนไซต์ได้ แต่เวลามาเรียนอาจต้องมีมาตรการดูแลที่แตกต่างกัน หรือหากผู้ปกครองยังไม่มั่นใจที่จะให้เด็กกลับมาเรียนที่โรงเรียนและประสงค์ให้เรียนออนไลน์เช่นเดิม ก็สามารถทำได้
“ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อยู่ระหว่างทำแผนเปิดเรียนให้ในแต่ละพื้นที่ โดยจะมีแนวทางการเปิดเรียนทั้งในพื้นที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัย รวมถึงมีข้อแนะนำว่า ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง รวมถึง การกำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้องที่เหมาะสม ทั้งหมดเป็นมาตรการที่จะต้องออกมาจากสธ. ส่วน สพฐ. มีหน้าที่นำไปปฏิบัติ เบื้องต้นจากการหารือร่วมกับสธ. มีความคิดเห็นตรงกันว่า แต่ละจังหวัดไม่ควรใช้มาตรการเดียวกันทุกโรงเรียน ควรยึดพื้นที่ตำบล หรืออำเภอเป็นฐานในการเปิดเรียน”นายอัมพร กล่าว
ข่าวจาก : สวพ.FM91
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ