จากกรณีนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ และนายจีรพันธ์ แสงขาว หรือ หมอปลา จากเพจหมอปลาช่วยด้วย นำผู้เสียหายมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรีหลังพบว่าไม่เป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
วันที่ 20 ก.ย. 64 เวลา 15.00 น. นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความสำนักงานไพศาล เรืองฤทธิ์ และหมอปลา มือปราบ สัมภเวสี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ด่านมะขามเตี้ย และเจ้าหน้าที่กระทรงยุติธรรมจังหวัด เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขจังหวัด และกรมการปกครอง ได้เดินทางลงพื้นที่ วัดท่าพุราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นศูนย์บำบัดยาเสพติดที่มีผู้เสียหายได้ร้องเรียนให้เข้ามาตรวจสอบ
โดยทนายไพศาล ได้สอบถามข้อมูลจากพระชาญวิทย์ ธิสะมาโร เลขานุการศูนย์บำบัดฟื้นฟู และนายสมเกียรติ โอนอ่อน เจ้าหน้าที่กู้ภัย ทั้งคู่เปิดเผยว่า ศูนย์บำบัดแห่งนี้จดทะเบียนเมื่อปี 2550 และการปฏิบัติ แต่ละปีจะไม่เหมือนกัน ผู้ที่มาบำบัดจะต้องมีพ่อแม่ หรือ ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจนำตัวส่ง และจะต้องมีการอ่านสัญญา เพื่อที่จะยินยอมว่า จะต้องเสียค่าแรกเข้าจำนวน 10,000 บาท และทุกเดือนจะต้องเสียเงินจำนวน 2,000 บาท เพื่อนำไปซื้อคูปอง ที่ใช้สำหรับซื้อของกิน
ทั้งนี้ ผู้บำบัดจะต้องเข้ามาอยู่ต้องอยู่ให้ครบ 1 ปี แต่ถ้าผู้ปกครองจะนำตัวลูกกลับก่อนกำหนดจะต้องเสียค่าใช่จ่ายเพิ่มอีก 10,000 บาท สาเหตุที่ทำแบบนี้เพื่อที่ผู้ปกครองจะได้รู้สึกเสียดาย และจะได้ไม่นำลูกออกไป ซึ่งทางวัดไม่ได้มีการตรวจสอบผู้ที่เข้ามาบำบัด โดยลักษณะที่อยู่อาศัยเป็นเรือนนอนทำจากปูน ขนาด 18×28 เมตร และภายในเรือนนอนดังกล่าวจะมีห้องน้ำจำนวน 2 ห้อง ส่วนห้องน้ำด้านนอกเรือนนอนมีประมาณ 30 ห้อง และผู้บำบัดสามารถใช้ได้
ในส่วนของกิจกรรมแต่ละวัน เวลาประมาณ 03.30 น. คือเวลาตื่นนอน จากนั้นจะเป็นการออกกายบริหารประมาณ 30 นาที และต่อด้วยการอาบน้ำแปรงฟัน ก่อนจะเป็นกิจกรรมสวดมนต์ ทำวัด และค่อยรับประทานอาหารเช้า ศูนย์จะจัดเตรียมให้เพียง 2 มื้อ คือเช้ากับเย็น แต่ละวันยังมีกิจกรรมกวาดลานวัด ก่อสร้างกำแพงวัด แต่ถ้าผู้บำบัดต้องการที่จะบวช สามารถมาลงชื่อกับเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่จะขออนุญาตทางผู้ปกครองให้ โดยค่าบวชผู้ปกครองจะต้องจ่ายทั้งหมด 20,000 บาท เป็นเงินค่าอุปชาจำนวน 10,000 บาท ส่วนอีก 10,000 เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ส่วนกรณีที่มีการลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกาย และลงโทษด้วยการให้อดอาหาร เนื่องจากผู้บำบัดได้มีการหลบหนี และมีการสร้างความเสียหายให้แก่ทางวัด ยืนยันว่าเป็นการลงโทษด้วยการใช้กระบองพลาสติกเท่านั้น
ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น. ทนายไพศาล และหมอปลาได้เดินทางมาเรือนนอน เพื่อเข้ามาพูดคุยกับผู้บำบัด และดูสภาพความเป็นอยู่ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะมีกุญแจล็อกอยู่ ทันทีที่ผู้บำบัดเห็นทนายไพศาลและหมอปลาได้มีโห่ร้องแสดงความดีใจ และร้องว่า “หิวข้าว” พร้อมกับขอความช่วยเหลือให้ช่วยพาทุกคนออกไป เพราะอยู่กันไม่ไหวแล้ว
กลุ่มผู้บำบัดยาเสพติด เปิดเผยว่า สาเหตุที่อยู่ไม่ได้ เพราะสภาพความเป็นอยู่ด้านในค่อนข้างจะแออัด มีห้องน้ำเพียง 2 ห้อง และบางคนก็เป็นโรคทางผิวหนัง โรควัณโรค และโรคอีสุกอีใส ซึ่งเป็นโรคติดต่อ
อีกทั้งวันหนึ่งได้กินข้าวเพียง 2 มื้อ ซึ่งจานอาหารมีเพียงข้าวและผัด อีกทั้งบางวันก็กินข้าวบูด และไม่เคยได้กินเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ ยังมีการลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกาย และให้อดอาหาร จนทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งเดือนนี้มีคนเสียชีวิต 3 คนแล้ว ซึ่งระหว่างที่อยู่ที่นี่ ทุกคนไม่สามารถติดต่อญาติพี่น้องได้ ถึงแม้ว่า ญาติพี่น้องจะติดต่อมา เจ้าหน้าที่ก็จะเป็นผู้พูดคุยเอง
ทีมข่าวได้นำโทรศัพท์ให้ผู้บำบัดเข้าไปถ่ายสภาพความเป็นอยู่ภายในเรือนนอน จากภาพที่เห็น พบว่าห้องน้ำมีเพียง 2 ห้องไม่มีประตู และมีถังสำหรับใช้ขับถ่ายของเสีย รวมถึงสภาพห้องมีน้ำเจิ่งนองอยู่
นอกจากนี้ ผู้บำบัดได้นำจานอาหารมาให้ทีมข่าวดู พบว่าในจานมีเพียงข้าวเปล่ากับเศษผัก จำนวนคนที่อยู่ด้านในมีถึง 216 คน แต่ต้องแออัดอยู่ภายในห้องเล็ก ๆ
จากนั้น หมอปลา ได้ติดต่อนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขอให้รับรถมารับผู้บำบัดออกไปไว้ที่อื่น เพราะถ้าปล่อยไว้ผู้บำบัดจะต้องถูกผู้ดูแลทำร้ายร่างกายหลังจากที่ทีมข่าวกลับไปแน่นอน ต่อมาเมื่อผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์ ทราบเรื่องว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะเข้ามาช่วยได้ทำท่าจะเดินออกมาขอความช่วยเหลือจากหมอปลา แต่ถูกพระที่ดูแลสั่งให้กลับเข้าไปในกุฏิ
ผู้บำบัดที่บวชเป็นพระ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตัดสินใจมาบวชเป็นพระ เพราะทนอยู่ในเรือนนอนที่แออัดไม่ไหว และถ้าอยู่ข้างในเรือนนอน จะมีการทำโทษถ้ามีใครในเรือนนอนทำผิด เมื่อวัดมีการเปิดให้คนไปบวชตนจึงลงชื่อ และเสียเงินไปจำนวน 20,000 บาท ซึ่งเป็นค่าอุปชา 10,000 บาท และค่าประกันตัวถ้าหลบหนี 10,000 บาท ทั้งนี้ ตนอยากจะออกจากที่นี่ และกลับไปอยู่กับครอบครัว
จากนั้น เวลาประมาณ 17.00 น. นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีเดินทางมาลงพื้นที่ และได้เข้ามาพูดคุยกับผู้ที่ดูแลวัด รวมถึงหมอปลา และทนายไพศาล เมื่อผู้ว่าราชการได้เห็นคลิปภายในเรือนนอน พบว่าสุขลักษณะนั้นไม่เหมาะสม แออัดเกินไป โดยมีผู้บำบัด 200 กว่าคน ทั้งที่ตอนแรกแจ้งว่ามีผู้บำบัดเพียง 50 คน
นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เดินเข้ามาเยี่ยมผู้บำบัด ทั้งนี้ ผู้บำบัดได้กล่าวขอบคุณทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมกับกล่าวว่า “ที่นี่ทรมาน และขอให้ปิดศูนย์”
นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า จะนำรถทหารมารับไปพักที่ค่ายทหารเขาชนไก่ ก่อนจะติดต่อทางผู้ปกครองให้รับทราบ ระหว่างที่รอรถทหาร หมอปลาได้นำขนม และน้ำดื่มมาแจกให้กับผู้บำบัดที่อยู่ในเรือนนอนได้รับประทานเป็นของว่าง นอกจากนี้ ได้มีผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์กว่า 20 คนได้เข้ามาบอกกับหมอปลา ต้องการที่จะศูนย์บำบัด
เวลาประมาณ 19.00 น. กรมการปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายเขาชนไก่ ได้นำรถทหารจำนวน 7 คัน เข้ามารับผู้บำบัด แบ่งผู้บำบัดขึ้นรถเป็นคันละ 30 คน ซึ่งผู้บำบัดทุกคนต่างเดินแถวอย่างเป็นระเบียบ ทั้งนี้ จำนวนผู้บำบัดตามที่ระบุในเอกสารมีประมาณ 349 คน หลังจากนี้จะติดต่อญาติพี่น้องให้เข้ามารับที่ค่าย ส่วนคนที่ยังต้องเข้ารับการบำบัด ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดเตรียมสถานที่ให้
เวลาประมาณ 21.20 น. หลังจากเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้บำบัดที่อยู่ในเรือนนอนขึ้นรถออกไป สภาพเรือนนอนหลังจากที่ไม่มีใครอยู่ในนี้ มีเสื้อผ้า และเศษขยะกองอยู่กระจัดกระจาย พร้อมกับพาผู้บำบัดที่บวชเป็นพระขึ้นรถอีกจำนวนมากกว่า 50 คน
นอกจากนี้ ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ก่อนที่ทีมข่าวและหน่วยงานจะเข้ามาช่วยเหลือผู้บำบัดยาเสพติด ทางเจ้าอาวาสของวัดท่าพุราษฎร์บำรุงมรณภาพ โดยบรรดาลูกศิษย์ให้ข้อมูลว่าด้วยโรคประจำตัว
ข่าวจาก : amarintv
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ