หมอปลา ประสานช่วยผู้บำบัด วัดท่าพุราษฎร์บำรุง 19 คน อ้าแขนรับพาไปอยู่ด้วยที่บ้าน ด้านผู้ปกครองผู้บำบัดแฉศูนย์ฯ ฝากของมีค่าไว้ก็ไม่ได้คืน บอกทำลายทิ้งหมดแล้ว-เงินอยู่ในบัญชีเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปแล้ว
จากกรณีข่าว วัดท่าพุราษฎร์บำรุง อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ที่เปิดรับบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด “ศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูวัดท่าพุราษฎร์บำรุง” โดยพบว่าผู้ที่มาบำบัดอยู่กันอย่างแออัดกว่า 200 คน ในห้องขนาด 15 เมตร มีห้องน้ำแค่ 2 ห้อง ให้กินข้าวแค่วันละมื้อ มีการจับใส่กุญแจมือแล้วตี หากอยากให้ออกจากศูนย์บำบัดต้องมีเงินจ่าย 1 หมื่น ซึ่งปัจจุบันผู้บำบัดได้รับการช่วยเหลือแล้ว ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมติให้ปิดศุนย์บำบัดดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 23 กันยายน 2564 ช่อง 3 รายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ประสานให้ผู้ปกครองของผู้บำบัดเดินทางมารับผู้บำบัดกลับบ้าน และพบว่าคงเหลือผู้บำบัดอยู่ที่โรงพยาบาลสนามจำนวนทั้งสิ้น 20 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 19 คน ผู้ปกครองและผู้บำบัดยืนยันความประสงค์จะให้เดินทางไปอยู่ที่บ้านของหมอปลา ที่ จ.เพชรบุรี ขณะที่อีก 1 คนมีอาการป่วยจิตเวช พูดคุยไม่รู้เรื่อง ทางเจ้าหน้าที่จึงประสานสาธารณสุขจังหวัดให้นำตัวไปรักษายังสถาบันจิตเวชต่อไป
ผู้สื่อข่าวช่อง 3 ได้พูดคุยกับชายวัย 42 ปี หนึ่งในกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดที่มีความประสงค์จะไปอยู่ที่บ้านหมอปลา ระบุว่าตนตั้งใจจะไป โดยพูดคุยกับผู้ปกครองเรียบร้อยแล้ว ด้านผู้ปกครองก็เห็นด้วย ตนตั้งใจที่จะไปช่วยหมอปลาทำงาน เท่าที่จะสามารถทำได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทรัพย์สินที่ฝากไว้กับทางศูนย์บำบัดคืน เช่น โทรศัพท์มือถือ และเงินสดที่ผู้ปกครองฝากเอาไว้ ซึ่งผู้ปกครองสอบถามไป ทางศูนย์บำบัดบอกว่าทำลายโทรศัพท์ทิ้งไปแล้ว ส่วนเงินที่ฝากมาก็อยู่ในบัญชีของเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปแล้ว จึงยังไม่สามารถนำมาคืนให้ได้
ด้านหมอปลา ได้กล่าวว่า นอกจากกลุ่มผู้บำบัดจำนวน 19 คนชุดนี้ที่จะเดินทางไปอยู่ที่บ้านของตนแล้ว ยังมีผู้บำบัดอีกชุดหนึ่งที่เดินทางล่วงหน้าไปแล้วจำนวน 3-4 คน ซึ่งทั้งหมดตนจะดูแลเป็นอย่างดี คนไหนที่ทำงานได้ก็จะให้ช่วยทำงาน แต่คนไหนที่ยังจำเป็นจะต้องเข้ารับการบำบัดรักษา ตนก็จะให้เข้ารับการบำบัดต่อไป เพื่อให้กลับมาเป็นคนดีของสังคมและพ่อแม่
หมอปลา บอกอีกว่า กระณีที่ตนและทนายไพศาล ช่วยเหลือกลุ่มผู้บำบัดที่ศูนย์แห่งหนึ่ง และเปิดโปงขบวนการส่งผู้บำบัดเข้าไปอยู่ในศูนย์บำบัดวัดท่าพุฯ จนต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากทางคู่กรณีนั้น ตนไม่ได้หนักใจอะไร เพราะในการให้สัมภาษณ์ก็ไม่เคยไปเอ่ยชื่อหรือพาดพิงบุคคลใด อีกทั้งเรื่องต่าง ๆ ที่ตนพูดไปก็เป็นเรื่องจริงมีหลักฐานเอกสารต่าง ๆ พร้อมพิสูจน์ทั้งหมด
ข่าวจาก : kapook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ