ราชกิจจานุเบกษา ประกาศลดเวลาเคอร์ฟิว พื้นที่ควบคุมสูงสุดเหลือ 23 จังหวัด





เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 35)

เพื่อผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ปรับลดจำนวนจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เหลือ 23 จังหวัด และลดเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ตั้งแต่เวลา 23.00 น.- 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ตุลาคม 2564 นี้

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นคราวที่ 14 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 นั้นเพื่อเป็นการปรับปรุงและผ่อนคลายความเข้มงวดของมาตรการควบคุมโรคต่างๆ ที่ได้กำหนดขึ้นให้สอดคล้องกับภาพรวมของสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก

ด้วยที่ผ่านมา การปฏิบัติงานพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมและจำกัดขอบเขตพื้นที่การระบาดของโรคได้ ดังเช่นในหลายจังหวัดพบผู้ติดเชื้อเฉพาะในบางเขตพื้นที่เท่านั้น และผู้ป่วยที่มีอาการของโรครุนแรงได้ลดจำนวนลง ในขณะที่ผู้ที่ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น

ในส่วนของการดำเนินการตามแผนการฉีดวัคซีน เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนต่างมีส่วนร่วมในการประสาน จัดหาและนำเข้าวัคซีนชนิดต่างๆ เพื่อให้ฝ่ายสาธารณสุข ได้จัดสรรและเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา เพื่อให้สามารถกลับมาสู่สภาพการเรียนการสอนตามปกติได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมจัดหายาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพซึ่งคาดว่า จะสามารถนำมาใช้เพื่อรักษาโรคนี้ได้ในไม่ช้า อย่างไรก็ดี การติดตามและกำกับดูแลของพนักงานเจ้าหน้าที่ยังคงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อควบคุมให้การดำเนินกิจการและกิจกรรมของทั้งบุคคลและสถานที่ต่างๆ อยู่ภายใต้เงื่อนไขของการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคที่ได้ประกาศไว้แล้ว เช่น มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล มาตรการปลอดภัย

สำหรับองค์กร หรือมาตรการควบคุมโรคแนวใหม่เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ก็เพื่อขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของประเทศ เป็นการสร้างบรรยากาศ การเข้าใจสถานการณ์ และการรู้จักใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันให้ได้ เพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ให้ใกล้กับภาวะปกติและกระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อมุ่งเป้าหมายสู่การป้องกันและควบคุมโรคแก่ประชาชนอย่างสมดุลและยั่งยืนสอดคล้องกับแผนการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเจตนารมณ์และแนวทางไว้เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2564

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534

ข้อ 1 การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ ให้ ศบค. มีคำสั่งปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคำสั่ง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่กำหนดไว้สำหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่างๆ ข้อห้ามและข้อปฏิบัติที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้

สำหรับจังหวัดที่ได้ปรับระดับเขตพื้นที่สถานการณ์ขึ้นใหม่ตามคำสั่งที่ออกตามข้อกำหนดนี้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมการด้านบุคลากร สถานที่ และประชาสัมพันธ์ เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมเพื่อการดำเนินการตามมาตรการข้อห้ามและข้อปฏิบัติต่างๆ เป็นการล่วงหน้า

ข้อ 2 ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค โดยกำหนดปรับปรุงเฉพาะเรื่องจำนวนบุคคลที่เข้ารวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์ ดังนี้

(1) พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าสิบคน

(2) พื้นที่ควบคุมสูงสุด ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าหนึ่งร้อยคน

(3) พื้นที่ควบคุม ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าสองร้อยคน

(4) พื้นที่เฝ้าระวังสูง ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าสามร้อยคน

(5) พื้นที่เฝ้าระวัง ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าร้อยคน โดยให้ข้อห้ามการจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ขั้นตอนการขออนุญาตจัดกิจกรรมการพิจารณาอนุญาต รวมทั้งกิจกรรมหรือการรวมกลุ่มที่ได้รับยกเว้นที่สามารถจัดได้โดยไม่ต้องขออนุญาตตามข้อ 4 และข้อ 5 แห่งข้อกำหนด (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ยังคงบังคับใช้ต่อไป

ข้อ 3 การปรับเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามบุคคลใดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 23.00 น.ถึง 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564 โดยให้การกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่และกรณีของบุคคลที่ได้รับยกเว้นที่ได้ประกาศหรือได้อนุญาตไว้ก่อนหน้านี้ยังคงใช้บังคับต่อไป

ข้อ 4 มาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้บรรดาสถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมในพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่ได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการแล้วตามข้อกำหนดที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้า เปิดดำเนินการได้ต่อไปโดยให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณีกำกับดูแลและติดตามการดำเนินการ และผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเงื่อนเวลา

การจัดระบบ ระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคต่างๆ ที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งมาตรการที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบกำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ

(1) เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับเวลาการห้ามออกนอกเคหสถาน ให้สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมที่ได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการได้แล้วและมีเงื่อนไขเรื่องกำหนดเวลาทางการไว้ เช่นร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ ห้างสรรพสินค้า สนามกีฬาสวนสาธารณะ สามารถเปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติแต่ไม่เกินเวลา 22.00 น.

(2) ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด หรือตลาดนัด สามารถเปิดเพื่อการจำหน่ายสินค้าได้ทุกประเภทตามเวลาปกติจนถึงเวลา 22.00 น. และหากมีการเปิดให้บริการเครื่องเล่นให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณีประเมินและพิจารณาอนุญาตตามความเหมาะสม สำหรับร้านสะดวกซื้อที่เปิดให้บริการในช่วงเวลากลางคืนให้ปิดการให้บริการในช่วงระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น

(3) ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ สามารถเปิดให้บริการในลักษณะของการดูแลผู้สูงอายุแบบเช้าไปเย็นกลับได้ โดยให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้วแต่กรณี พิจารณาอนุญาตตามความเหมาะสม โดยกำหนดเงื่อนไขที่ผู้รับบริการและบุคลากร

เจ้าหน้าที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด และให้ผู้ประกอบการสุ่มตรวจบุคลากรเจ้าหน้าที่ทุกสัปดาห์โดยการใช้ชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยกำรติดเชื้อSARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง เพื่อยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 หรือโดยวิธีการที่ทางราชการกำหนด

(4) โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ หรือสถานที่ที่มีลักษณะคล้ายกัน สามารถเปิดให้บริการเพื่อการจัดประชุม สัมมนา หรือการจัดงานพิธีตามประเพณีนิยมได้จนถึงเวลา 22.00 น. โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กรที่กำหนด เช่นการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน

การให้ผู้เข้าร่วมงานสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาการจัดให้มีช่วงเวลาพักเพื่อการระบายอากาศของห้องประชุม การจัดเตรียมอาหารแบบแยกเป็นชุดการเว้นระยะห่างไม่ให้แออัด รวมทั้งดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กำหนดอย่างเคร่งครัด

(5) ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบกิจการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน สามารถเปิดให้บริการเพื่อการจัดประชุม สัมมนา หรือการจัดงานพิธีตามประเพณีนิยมได้จนถึงเวลา 22.00 น. และให้ปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กรที่กำหนดเช่นเดียวกับกรณีตาม (4) โดยยังคงให้งดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และปิดให้บริการในส่วนที่เป็นร้านเกมตู้เกม เครื่องเล่น สวนสนุก และสวนน้ำ

ข้อ 5 การขนส่งสาธารณะ การขนส่งผู้โดยสารสาธารณะทุกประเภทในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และการขนส่งสาธารณะระหว่างจังหวัดทุกประเภททั่วราชอาณาจักรให้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการตามที่ได้เคยประกาศไว้เดิมในข้อ ๗ แห่งข้อกำหนด (ฉบับที่ 32) ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2564 โดยผู้ประกอบการหรือผู้รับผิดชอบต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขตามที่ทางราชการกำหนดและสอดคล้องกับความเหมาะสมของยานพาหนะและสภาพการเดินทางให้กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร จังหวัด

หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบและกำกับดูแลการให้บริการขนส่งผู้โดยสารสาธารณะทุกประเภทในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดรวมทั้งการขนส่งสาธารณะระหว่างจังหวัดทุกประเภททั่วราชอาณาจักรให้เป็นไปตามแนวทางที่ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กำหนด โดยจัดการให้การขนส่งสาธารณะแก่ประชาชนมีจำนวนเพียงพอและเหมาะสมแก่การให้บริการประชาชน

ข้อ 6 การปฏิบัติงานนอกสถานที่ทำการของหน่วยงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและเอกชนยังคงให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรในความรับผิดชอบปฏิบัติงานนอกสถานที่ทำการอย่างเต็มความสามารถที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติได้ โดยการปฏิบัติงานดังกล่าวต้องไม่กระทบกับภารกิจเพื่อการให้บริการประชาชน

ข้อ 7 การผ่อนคลายมาตรการเพื่อกิจการหรือการดำเนินกิจกรรมบางประเภท

(1) ร้านเกม ตู้เกม หรือเครื่องเล่น ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์หรือสถานประกอบกิจการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ที่มิได้อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดให้สามารถเปิดดำเนินการได้ในลักษณะของเกมหรือเครื่องเล่นเฉพาะที่มีผู้เล่นเป็นผู้ใช้เครื่องเล่นเดี่ยวหรือการเล่นเป็นคู่เท่านั้น โดยให้ผู้เล่นสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา แต่สวนสนุก และสวนน้ำยังคงให้ปิดดำเนินการ

(2) การปรับเงื่อนไขกำหนดเวลาการให้บริการของสวนสาธารณะ สนามกีฬา ยิม ฟิตเนสหรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกายทุกประเภท ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้สามารถเปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติแต่ไม่เกินเวลา 22.00 น.

ข้อ 8 การเตรียมความพร้อมเพื่อการผ่อนคลายมาตรการสำหรับกิจการบางประเภทในอนาคต สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะ ยังคงให้ปิดดำเนินการทั่วราชอาณาจักรในช่วงเวลานี้ผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสถานประกอบการควรเตรียมความพร้อมในการปรับปรุงสภาพแวดล้อม การจัดการสถานที่และบุคลากรเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่หรือติดโรค เช่น การจัดสถานที่ให้อากาศสามารถหมุนเวียนถ่ายเทได้ดีหรือมีระบบฟอกอากาศ การให้พนักงานผู้ให้บริการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด

รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการ คำแนะนำและแนวปฏิบัติของทางราชการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการเพื่อเตรียมพร้อมในการกำกับดูแลให้สถานประกอบการดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้ เพื่อการผ่อนคลายให้สามารถเปิดดำเนินการได้ในอนาคตตามความพร้อมและความเหมาะสม รวมทั้งเป็นไปตามแผนและกรอบเวลาที่รัฐบาลกำหนด

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป

อ่านประกาศฉบับบเต็ม

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: