“สาธิต”ยัน “สธ.-รบ.” ไม่มีนโยบาย ให้ “บุหรี่ไฟฟ้า” เป็นสินค้าถูกกฎหมาย
เมื่อวันที่ 1 พ.ย.เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของนพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว.ถามนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับความพยายามผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าถูกกฎหมาย เริ่มจากที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พยายามผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสินค้าทำลายสุขภาพ เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นที่ประหลาดใจอย่างมากในสังคม จากนั้นก็มีการเคลื่อนไหวในสังคม ทั้งแพทย์และเครือข่ายด้านสุขภาพได้ออกแถลงการณ์คัดค้านเรื่องนี้ เนื่องจากมีเหตุผลทางวิชาการเป็นจำนวนมากที่สนับสนุนว่าการผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสินค้าผิดกฎหมายขึ้นมาเป็นสินค้าถูกกฎหมายนั้นน่าจะมีประเด็นต้องพิจารณาจำนวนมาก และบุหรี่ไฟฟ้าสำหรับนักสูบหน้าใหม่ก็ไม่สามารถที่จะลดการเสพบุหรี่มวนได้ แต่ทำให้มีนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้น และบุหรี่ไฟฟ้าไม่เพียงสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจยังเป็นผลร้ายต่อการรักษาสุขภาพของประชาชน
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอบกระทู้แทนนายกรัฐมนตรีว่า สถานะของบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าห้ามนำเข้าโดยประกาศของกระทรวงพาณิชย์ และบุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นสิ่งของต้องห้ามนำเข้าตามพ.ร.บ.ศุลกากร มีโทษจำคุกและโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท ฉะนั้นรัฐบาลไม่มีนโยบายหรือแนวทางที่จะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าถูกกฎหมายแต่ประการใด ส่วนความเห็นของรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัว อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญต่อการรณรงค์ให้ประชาชนเข้าถึงการสูบบุหรี่ให้น้อยลง และเล็งเห็นโทษ ของการสูบบุหรี่ แต่ปัจจุบันยังพบว่ามีผู้สูบบุหรี่เป็นจำนวนมาก
“ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขและนโยบายรัฐบาล เราไม่มีแนวนโยบายให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าถูกกฎหมาย ทั้งเพื่อจำหน่าย นำเข้า แต่หากอนาคตพบว่าบุหรี่ไฟฟ้านำเข้าถูกกฎหมายได้ กระทรวงฯ ต้องมีมาตรการควบคุม ป้องกัน และให้ความรู้กับประชาชนถึงโทษ พิษ ภัยจากบุหรี่ ควบคู่กันไป ขอยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลยังยืนยันในนโยบายที่ต้องทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าต่อไป” นายสาธิต กล่าว
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ