คณะกรรมการเปรียบเทียบ ก.ล.ต. สั่งปรับ “บิทาซซ่า- สตางค์ คอร์ปอเรชั่น” ผิดมาตรา 30 ตามพ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล กรณีไม่นำสินทรัพย์ดิจิทัลไปฝากกับผู้ให้บริการรับฝากตามเกณฑ์ ปรับเป็นเงินรวม 8.2 ล้านบาท
ด้าน “บิทคับ” โดนหนักผิด 8 กรณี ตามมาตรา 30-29 วรรคหนึ่ง เป็นเงินรวม 4.16 ล้านบาท พร้อมดำเนินการกล่าวโทษ “Binance” ตามมาตรา 26 เหตุชักชวนให้ผู้ลงทุนไทยเข้าใช้บริการทั้งที่ไม่ได้รับใบอนุญาต ทาง “บก.ปอศ.” อยู่ระหว่างดำเนินการ
วันที่ 25 ธันวาคม 2564 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานข้อมูลการบังคับใช้กฎหมายสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. พบว่า ในปี 2564 ทางคณะกรรมการเปรียบเทียบได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับไปแล้ว 3 บริษัท ตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ประกอบด้วย
1.บริษัท บิทาซซ่า จำกัด ผิดตามมาตรา 30 เนื่องจากระหว่างวันที่ 4 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 บิทาซซ่าในฐานะผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าในระบบที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเมื่อทำธุรกรรมเท่านั้น (cold wallet) น้อยกว่า 90% ของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าทั้งหมดที่เก็บรักษาไว้ และไม่นำสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าไปฝากไว้กับผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศกำหนด เป็นเวลา 185 วัน
จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 3,564,000 บาท ไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564
2.บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผิดตามมาตรา 30 เช่นเดียวกัน โดยระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 สตางค์ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าในระบบที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเมื่อทำธุรกรรมเท่านั้น (cold wallet) น้อยกว่า 90% ของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าทั้งหมดที่เก็บรักษาไว้ และไม่นำสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าไปฝากไว้กับผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศกำหนด เป็นเวลา 212 วัน
จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 4,656,000 บาท ไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564
3.บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผิดตามมาตรา 30 เช่นเดียวกัน โดยระหว่างวันที่ 2 ถึงวันที่ 21 มกราคม 2564 บิทคับในฐานะผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล มีระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ระบบรับฝากและถอนทรัพย์สิน และระบบการแสดงยอดทรัพย์สินของลูกค้า ไม่เหมาะสมและเพียงพอให้บิทคับประกอบธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 305,000 บาท ไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนมกราคม 2564 บิทคับรายงานเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบสารสนเทศที่มีความสำคัญ ประเภทระบบหยุดชะงัก (system disruption) ต่อสำนักงานล่าช้ากว่าระยะเวลาที่ประกาศกำหนด เป็นจำนวน 6 ครั้ง จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 454,000 บาท
และระหว่างวันที่ 6 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 บิทคับมีระบบงานที่รองรับการรวบรวมและประเมินข้อมูลลูกค้าไม่เหมาะสมและเพียงพอให้บริษัท บิทคับ ประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 398,500 บาท
และระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 20 มกราคม 2564 บิทคับมีระบบงานที่เกี่ยวกับการรับและจัดการข้อร้องเรียน และการจัดให้มีช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า รวมทั้งจำนวนและความรู้ความสามารถของบุคลากรไม่เหมาะสมและเพียงพอให้บิทคับประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 160,500 บาท
และระหว่างวันที่ 8 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 บิทคับมีระบบงานที่ช่วยเสริมสร้างและรักษากลไกการทำงานของระบบซื้อขายให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย(surveillance) ไม่รัดกุมเพียงพอที่จะทำให้บิทคับทราบธุรกรรมที่อาจเข้าข่ายเป็นการผลักดันราคาจากการแจ้งเตือนของระบบในทันที จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 1,265,000 บาท
และระหว่างวันที่ 8 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2564 บิทคับมีระบบงานในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (compliance) ไม่รัดกุมเพียงพอที่จะทำให้บริษัท บิทคับ สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ ไม่กำกับดูแลให้ฝ่ายผลิตภัณฑ์ติดตามคุณสมบัติของเหรียญดิจิทัลสกุล CTXC จึงไม่ได้ update version ของเหรียญ ทำให้เหรียญดังกล่าวที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบิทคับไม่สามารถซื้อขายได้ในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น และมีการปรับตัวของราคาผิดปกติอย่างมาก จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 230,500 บาท
และบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (trading rules) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยหยุดซื้อขายเหรียญดิจิทัลสกุล JFIN Coin (JFIN) และ Infinitus (INF) ชั่วคราว จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 300,000 บาท
และระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 บิทคับเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าในระบบที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเมื่อทำธุรกรรมเท่านั้น (cold wallet) น้อยกว่า 90% ของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าทั้งหมดที่เก็บรักษาไว้ เป็นเวลา 33 วัน จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 858,000 บาท
นอกจากนี้ ยังทำผิดตามมาตร 29 วรรคหนึ่ง ระหว่างวันที่ 5 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 24 มกราคม 2564 บิทคับยินยอมให้บุคคลที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการงาน จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 190,000 บาท เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 คณะกรรมการเปรียบเทียบ ได้ดำเนินการกล่าวโทษตามมาตรา 26 กับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบนเว็บไซต์ www.binance.com โดยตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 เป็นต้นมา ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบนเว็บไซต์ www.binance.com (Binance) ได้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล
โดยการจับคู่หรือหาคู่สัญญาให้ หรือการจัดระบบหรืออำนวยความสะดวกให้ผู้ซึ่งประสงค์จะซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถทำความตกลงหรือจับคู่กันได้ผ่านเว็บไซต์ของ Binance โดยมีการชักชวนให้ประชาชนและผู้ลงทุนไทยเข้าใช้บริการไม่ว่าจะทางเว็บไซต์ของ Binance และเพจเฟซบุ๊ก Binance Thai Community อันเป็นการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการของพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)
อนึ่ง เงินค่าปรับตามการเปรียบเทียบความผิดอาญา ค่าปรับทางแพ่ง และเงินชดใช้เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดพร้อมดอกเบี้ย สำนักงาน ก.ล.ต. นำส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ข่าวจาก : ประชาชาติธุรกิจ
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ