‘อนุทิน’ คาดอีก 7-10 วัน จะพบผู้ติดเชื้อโควิดช่วงปีใหม่ทั้งหมด จ่อจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ปัจจัยหลักแพร่เชื้อ ต้องล็อกดาวน์หรือไม่ยังตอบไม่ได้
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โควิด 19 ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากถึง 5,775 ราย เสียชีวิต 11 ราย การติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นเป็นผลพวงมาจากเทศกาลปีใหม่ โดยคาดว่าอีก 7-10 วันจะค่อยๆ ปรากฎจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดในช่วงเทศกาล
อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น แต่ผู้เสียชีวิตไม่ถึง 20 คน เป็นผลมาจากการรับวัคซีน แต่ยังต้องรับวัคซีนต่อไปเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน และติดตามผู้ป่วยอาการหนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อไม่ค่อยมีอาการหรืออาการน้อย
ส่วนจะปิดกิจกรรมกิจการอะไรบ้างยังต้องรอดูสถานการณ์ แต่คงเป็นเรื่องการจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นปัจจัยหลักของการแพร่เชื้อ หากสถานการณ์เลวร้ายต้องล็อกดาวน์หรือไม่ยังตอบไม่ได้ แต่มาตรการที่ สธ.ทำไป ก็เพื่อคุ้มครองชีวิตประชาชน เพราะไม่มีอะไรมีค่าและสำคัญกว่าชีวิต
นายอนุทิน กล่าวว่า การรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิดจะใช้ Home Isolation (Hi) และ Community Isolation (Ci) เป็นหลัก เพื่อให้เหลือเตียงไว้สำหรับผู้ป่วยอาการรุนแรง ส่วนเรื่องการชะลอผู้เข้าประเทศระบบ Test&Go ซึ่งผู้ลงทะเบียนไว้แล้วยังค้างท่อไม่ได้เดินทาง ให้เดินทางเข้ามาถึงวันที่ 10 ม.ค.นั้น จะขยายไปจนถึง 15 ม.ค. เพื่อระบายนักท่องเที่ยวที่ค้างในระบบ แต่ต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ซื้อประกันไว้ตรงตามที่เอกสารแสดง เพราะที่ผ่านมาพบนักท่องเที่ยวป่วยและไม่ยอมอยู่ในระบบ
อีกทั้งซื้อประกันไม่ครอบคลุม มีการสำแดงใบประกันสุขภาพปลอม และต่อไปการเดินทางเข้ามาต้องมาในระบบ Sandbox และกักตัวเท่านั้น ซึ่งได้มีการขยายเพิ่ม Sandbox ในพื้นที่อื่นเพื่อไม่ภูเก็ตต้องรับผิดชอบหนักแค่จังหวัดเดียว ได้แก่ 1.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) 2.ชลบุรี (เกาะล้าน) 3.ระยอง (เกาะเสม็ด) 4.ตราด (เกาะช้าง และเกาะกูด) 5.พังงา (เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ไม่รวมเขาหลัก) และ 6.กระบี่ (เช่น เกาะพีพี)
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ขณะนี้จัดเตรียมสายด่วน 1330 รองรับผู้ป่วย มีเจ้าหน้าที่คอยรับสาย 300 คน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยวันนี้มีผู้ป่วยโทรเข้ามาในระบบ 1,709 คน ส่วนใหญ่หากไม่มีโรคประจำตัวจะให้อยู่ในระบบ HI หากมีโรคประจำตัว เป็นผู้สูงอายุ ไม่ได้รับวัคซีนก็ต้องรับการรักษาตัวใน รพ.
ขณะนี้ได้รับงบประมาณเพิ่มที่ขอไว้ในวงเงิน 31,000 ล้านบาทแล้ว โดยรัฐบาลโอนให้แล้ว 2,000 ล้านบาท เพื่อมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อทั้งระบบการคัดกรองการดูแล เป็นค่าอาหารยา อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ก่อตั้งสปสช.มา ช่วงโควิดต้องของบประมาณเพิ่มเฉลี่ยปีละ 2-3 ครั้ง เพราะยังไม่รู้ว่าสถานการณ์โควิดจะสิ้นสุดเมื่อไร
ข่าวจาก : ข่าวสด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ