นักดื่มเฮ! ‘ศบค.’ ขยายนั่งดริงก์ถึง 5 ทุ่ม ลดพื้นที่ควบคุมเหลือ 44 จว. แต่ไม่ขยายเวิร์กฟรอมโฮม
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เปิดเผยภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,129 ราย เป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศ 7,861 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 214 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ 54 ราย เสียชีวิต 19 ราย อาการหนัก 533 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ 118 ราย หมายความว่าระบบสาธาณสุข รองรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอยู่ได้
สำหรับผู้ติดเชื้อภาพรวมของโลก มีผู้ติดเชื้ออยู่ที่กว่า 3,180,000 ราย ทำให้ตัวเลขรวมอยู่ที่กว่า 338 ล้านราย ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 7,900 ราย ประเทศที่เสียชีวิตมากที่สุด คือ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และอินเดีย
ทั้งนี้เมื่อเทียบอัตรผู้ป่วยกับอัตราผู้ชีวิต สะท้อนภาพความไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับของเก่า เมื่อมาดูทางด้านประเทศไทย อัตราการเสียชีวิตยังถือว่าอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ นายกฯขอให้ทุกคนร่วมมือกันรวมถึงเร่งการฉีดวัคซีนกลุ่มเสียงผู้สูงอายุ และ7 กลุ่มโรคร้าย จะทำให้อัราการเสียชีวิตน้อยลง ที่สำคัญคือ จำนวนเตียงผู้ป่วยทั่วประเทศ มีอยู่กว่า 147,000 เตียง แต่ใช้ไปเพียง 33%
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-31 มี.ค. 65 ถือเป็นการขยายครั้งที่ 16 เพื่อเป็นการควบคุมโรค นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร สีแดงเข้ม พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 0 จังหวัด สีแดง พื้นที่ควบคุมสูงสุด 0 จังหวัด พื้นที่สีส้ม จากเดิม 69 จังหวัด เหลือ44 จังหวัด ได้แก่
กาฬสินธุ์ ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช น่าน บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง เพชรบุรี มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี และ อุบลราชธานี
ส่วนพื้นที่สีฟ้าจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว 8 จังหวัดคงเดิม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงา ภูเก็ต และ (จังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่) ส่วนพื้นที่สีเหลือง พื้นที่เฝ้าระวังสูง จากเดิม 0 จังหวัด เพิ่มเป็น 25 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ นครพนม นครสวรรค์ นราธิวาส บึงกาฬ ปัตตานี พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ยะลา ลำปาง ลำพูน เลย สกลนคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ และ อุทัยธานี
สำหรับมาตรการภายหลังการปรับพื้นที่สี ดังนี้ สีเหลืองสามารถรวมกลุ่มทำกิจกรรมได้ถึง 1 พันราย สีส้ม ทำกิจกรรมได้ไม่เกิน 500 ราย ส่วนสถานศึกษา อนุญาติให้ใช้อาคารสถานที่ได้ทั้ง 2 สี โดยทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอให้เปิดเรียนออนไซต์ โดยที่ผ่านมามีการเปิดเรียนออนไซต์ไปแล้วกว้า 1.7 หมื่นโรงเรียนเพราะฉะนั้นยังเหลืออีกหลายหมื่นโรงเรียนไม่สามารถเปิดเรียนได้ โดยข้อจำกัดหนึ่งคือ การเว้นระยะห่างในชั้นเรียน พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบให้ที่ประชุมไปหารือ เพราะนอกจากเปิดกิจการกิจกรรมแล้ว เด็กควรได้กลับไปโรงเรียน และอยากให้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นต้องมาคุยรายละเอียด ทั้งการเปิดหน้ากากอนามัย และการตรวจATK เพื่อไม่ให้เป็นภาระมากเกินไป
ส่วนร้านอาหารในจังหวัดที่ปรับมาเป็นพื้นที่สีเหลือง ให้สามารถดืมสุราในร้านได้ ถึงเวลา 23.00 น.จากเดิม 21.00 น. แต่ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่านมาตรฐาน SHA Plus หรือThai Stop COVID 2Plus เท่านั้น และต้องดำเนินการมาตรการ Covid Free Setting เท่านั้น โดยจะต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด และหากไม่สามารถดำเนินการได้จำเป็นก็ต้องสั่งปิด
ส่วนมาตรการเวิร์คฟอร์มโฮม จากเดิมกำหนดถึงวันที่ 31 มกราคมเพราะต้องการควบคุมการเคลือนย้ายนั้น ที่ประชุมเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จึงมีมติไม่ขยายเวลาเวิอร์คฟอร์มโฮมต่อแต่ให้เป็นไปตามความเหมาะสม โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถพิจารณาได้เอง
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ