ครม.เคาะหลักเกณฑ์ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 กลุ่มเป้าหมาย 20 ล้านคน คาดเริ่มใช้สิทธิ 1 ต.ค. หวังสร้างโอกาสเข้าถึงบริการแห่งรัฐครบวงจร
เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเหลือกลุ่มตกหล่นให้เข้าถึงโครงการ
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ 20 ล้านคน คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการเดิมและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่ คาดสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 โดยมีกรอบวงเงิน 564.455 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างเหมาบริการระบบลงทะเบียน และการยืนยันตัวตน 164.274 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการรับลงทะเบียน ของหน่วยรับลงทะเบียน 400.181 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบ ของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว
นายธนกร กล่าวว่า คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน มีดังนี้ ผู้ที่มีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ต้องไม่เป็นภิกษุ ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐ รายได้ของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี
และผู้ลงทะเบียน ต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ เช่น วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และวงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นต้น ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที คณะกรรมการกำหนด
นายธนกร กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรสวัสดิการและปัญหาผู้มีบัตรที่ไม่ควรได้รับสิทธิ ทั้งนี้ จะเปิดรับลงทะเบียน ตามโครงการฯอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ จะตรวจสอบคุณสมบัติและตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งอีกด้วย
สำหรับผู้ได้รับสิทธิจากโครงการฯ ปี 2565 จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรสวัสดิการ เนื่องจากบัตรสวัสดิการที่ได้เริ่มใช้งานตั้งแต่เดือนต.ค. 2560 มีอายุการใช้งาน 5 ปี และจะหมดอายุในเดือนก.ย. 2565 ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนการผลิตบัตรสวัสดิการใหม่ ประมาณ 1,258 ล้านบาท อีกทั้งลดปัญหาเรื่องการสวมสิทธิ์บัตรประจำตัวประชาชน หรือการนำบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้สิทธิ์แทน และช่วยลดการทุจริต เช่น กรณีร้านค้าเก็บบัตรสวัสดิการไว้เอง
นายธนกร กล่าวอีกว่า โครงการลงทะเบียนฯปี 65 มีหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขดำเนินการบางประการที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มเติมเงื่อนไข เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน และการดำเนินการให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการฯ ในปัจจุบันไม่สามารถสะท้อนข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริง
จึงจำเป็นต้องลงทะเบียนรอบใหม่ เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการแห่งรัฐอย่างครบวงจร ตามแนวนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มุ่งเน้นบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และมุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน และเกิดประโยชน์สูงสุด
ข่าวจาก : ข่าวสด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ