‘วราวุธ’ ลั่นไม่สนเป็นใคร! โยง ‘สมปอง’ รุกป่าสงวน 200 ไร่ เร่งสอบชื่อครอบครอง ต้องระวังโทษตั้งแต่จำคุก 4 ปี และปรับเป็นเงินหลายล้าน
เมื่อวันที่ 9 ก.พ.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นต่ออธิบดีกรมป่าไม้ ให้เร่งรัดตรวจสอบเอาผิดที่ดินของนายสมปอง นครไธสง หรืออดีตพระมหาสมปอง และครอบครัว ที่ครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ กว่า 200 ไร่ว่า
ได้รับรายงานว่ตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบพื้นที่บางส่วนอยู่ในป่าสงวนและมีพื้นที่บางส่วนถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ส่วนเรื่องเจ้าของกรรมสิทธิ์ในพื้นที่นั้น หรือชื่อผู้ครอบครองดังกล่าว ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นของผู้ใด ฉะนั้นยังตอบไม่ได้เรื่องชื่อ
นายวราวุธ กล่าวว่า พบการเข้าใช้พื้นที่ป่าสงวนและพื้นที่คทช. จึงต้องมาดูว่าผู้ใดรับผิดชอบและจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป หากมีการเข้าไปใช้พื้นที่ ทำให้ป่าสงวนเสื่อมโทรมโดยไม่ได้รับอนุญาต เดิมพื้นที่ดังกล่าวได้ยกให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) แต่ส.ป.ก.ไม่สามารถนำไปใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรได้ จึงคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ เป็นพื้นที่ป่าสงวน จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ หากครอบครองเกิน 25 ไร่ จะเป็นโทษระดับหนึ่ง อีกทั้งการบุกรุกป่าสงวนยังมีโทษตั้งแต่จำคุก 4 ปี และปรับเป็นเงินหลายล้านบาท ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ หากกระทำความผิด กรมป่าไม้จะฟ้องร้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยพื้นที่ดังกล่าวเท่าที่ตรวจสอบมีประมาณ 200 ไร่ ในนั้นมีป่าสงวนด้วย กำลังไล่สอบไปเรื่อยๆ อยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้มาตรฐานเดียวกับน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่สนว่าเป็นใคร แต่ถ้ามีการกระทำความผิดและมาบุกรุกป่าสงวนต้องดำเนินการตามมาตรฐานเดียวกันหมด
เมื่อถามว่า หากได้พื้นที่ดังกล่าวมาในช่วงเป็นพระภิกษุ จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ยังไม่คอนเฟิร์มว่าพื้นที่นี้เป็นของใคร ตอนนี้มีเพียงการระบุว่าเป็นของคนนั้นคนนี้ แต่ตนยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่มีการบุกรุกแน่นอน
ข่าวจาก : ข่าวสด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ