ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่ง ศบค. ที่ 5/2565 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 23 ปรับข้อกำหนดการเดินทางเข้าไทย ลดกรมธรรม์ประกันภัย เหลือ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีผล 1 มี.ค.นี้
วันนี้ (27 ก.พ.65) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 5/2565 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 23)
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565 ให้ขยายระยะเวลา การบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 นั้น
โดยที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้ออกคำสั่งเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันโรคให้เหมาะสมต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์ สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่สามารถแพร่กระจายและมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ และพบว่าไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ สายพันธุ์โอมิครอนไม่ทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการป่วยที่รุนแรง จึงเห็นควรปรับมาตรการป้องกันโรคให้มีความเหมาะสม และให้การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์
นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จึงมีคำสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการ ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรค ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้คำสั่งระงับการรับลงทะเบียนการเดินทางเข้าราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ยกเว้นกรณีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตประเภท (2) ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว
ข้อ 3. ให้ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (1)
3.1 ให้มีหลักฐานการชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดในวันแรกที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และหลักฐานการชำระค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT – PCR จำนวน 1 ครั้ง รวมถึงค่าชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS – CoV – 2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (Antigen Self – Test Kit หรือ ATK)
3.2 กรณีเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางอากาศให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ผู้เดินทาง และยื่นเอกสารหรือแสดงหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
3.3 กรณีเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ทางบกและทางน้ำ ให้ตรวจคัดกรองอาการทางเดินหายใจ วัดไข้ และยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
3.4 เมื่อเดินทางไปยังโรงแรมหรือสถานที่พัก ต้องเข้ารับการกักกัน ตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT – PCR จำนวน 1 ครั้ง ต้องตั้งอยู่ในพื้นที่หรือจังหวัดที่ราชการกำหนด ส่วนอายุยังไม่ครบ 6 ปีบริบูรณ์ ให้ตรวจหาเชื้อโดยน้ำลายได้ โดยในระหว่างที่รอผลการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ห้ามผู้เดินทางเดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พัก
(1) กรณีผลการตรวจ RT – PCR ในครั้งแรกยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 ให้ผู้เดินทางสามารถเดินทางในราชอาณาจักรได้ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัดตลอดเวลาที่อยู่ในราชอาณาจักร และต้องตรวจ ATK ด้วยตนเอง จำนวน 1 ครั้ง ในวันที่ 5 – 6 และให้รายงาน และบันทึกผลในแอปพลิเคชันหรือระบบที่ทางราชการกำหนดด้วย
(2) กรณีผลการตรวจ ในครั้งแรกยืนยันว่าผู้เดินทางมีเชื้อโรคโควิด-19 ให้โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการพิจารณาดำเนินการดูแลรักษาพยาบาลตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยให้ผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษาพยาบาลทั้งหมด
ข้อ 4. ให้ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (2) ดังนี้
4.1 ให้มีหลักฐานการชำระค่าที่พัก ไม่น้อยกว่า 7 วัน และหลักฐานค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT – PCR จำนวน 1 ครั้ง รวมถึงค่าชุดตรวจ ATK
4.2 ให้เดินทางไปยังโรงแรมหรือสถานที่พักในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวที่ทางราชการกำหนด ตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT – PCR จำนวน 1 ครั้ง ระหว่างที่รอผลห้ามผู้เดินทางเดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พัก อายุยังไม่ครบ 6 ปีบริบูรณ์ และได้เดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้ทำการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ด้วยวิธีการโดยน้ำลายได้
(1) กรณีผลการตรวจเชื้อ RT – PCR ในครั้งแรก ไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 ให้ผู้เดินทางสามารถเดินทางในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวได้ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด และตรวจ ATK อีก 1 ครั้ง ในวันที่ 5 – 6 เพื่อยืนยันว่าไม่มีเชื้อ
(2) กรณีผลการตรวจหาเชื้อในครั้งแรก มีเชื้อโรคโควิด-19 ให้โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการพิจารณาดำเนินการดูแลรักษาพยาบาลตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยให้ผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษาพยาบาลทั้งหมด
4.3 กรณีผู้เดินทางในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย) หากผลการตรวจเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT – PCR ในครั้งแรกยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 ให้ผู้เดินทางสามารถเดินทางในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวได้ แต่เปลี่ยนโรงแรมได้ไม่เกิน 3 แห่ง
ข้อ 5 ให้ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (1) (2) (4) (5) และ (6) เฉพาะในส่วนกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลหรือหลักประกันอื่นใดตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางอยู่ในราชอาณาจักรในวงเงินไม่น้อยกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ข้อ 6 ให้ผู้เดินทางซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามข้อ 3 และข้อ 4 ข้างต้น ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอื่น 1 ตามคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้โดยเคร่งครัด
ข้อ 7 สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (3) (4) (5) และ (6) ให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้โดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ