“ประวิตร” นั่งหัวโต๊ะ “กบฉ.” ขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พื้นที่ จชต.ต่ออีก 3 เดือน เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน-ดูแลรักษาความปลอดภัย ปชช.
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 1/2565 เพื่อรับทราบผลการปฎิบัติงานตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้วง 20 ธันวาคม-10 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งภาพรวมสถานการณ์การก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และประชาชนได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยดีที่ผ่านมา รวมถึงรับทราบความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามแผนปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีแนวโน้มและโอกาสปรับลดพื้นที่เพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง
จากนั้นที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา เห็นชอบตามข้อเสนอของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าในการขอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ จังหวัดชายแดนใต้ ยกเว้น อ.ศรีสาคร, อ.สุไหงโก-ลก, อ.แว้ง, อ.สุคิริน จ.นราธิวาส อ.ไม้แก่น, อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ อ.เบตง, อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ ตั้งแต่ 20 มีนาคม ถึง 19 มิถุนายน 65 โดยเป็นการขยายระยะเวลา ครั้งที่ 67 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ทภ.4, กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าให้เข้มงวดงานด้านการข่าว และเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดน รวมถึงเร่งพิจารณาการปรับลดพื้นที่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติม เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ และส่งเสริมเศรษฐกิจ และให้เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย
พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยงาน ที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเท จนกระทั่งสถานการณ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามลำดับ และได้ขอบคุณประชาชนในพื้นที่ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัย ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่ให้มีความเจริญก้าวหน้า ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี อย่างยั่งยืน ต่อไป
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ