เปิดนาทีคุมตัว พระบิดาแห่งจักรวาล เจ้าลิทธิประหลาด ไม่อาบน้ำ 9 เดือน ไปโรงพัก ด้านลูกศิษย์เข้าขัดขวางจนชุลมุน ด้านผู้ว่าฯ จ่อเอาผิดตั้งสำนักบุกรุกที่สาธารณะ
จากกรณี หมอปลาทนายไพศาล และ กัน จอมพลัง ลงพื้นที่ ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พร้อมกับ ผู้ว่าฯ ชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่ อ.ภูเขียว บุกจับพระบิดาซึ่งอ้างตนว่าเป็นพ่อทุกศาสนา หลังมีคนร้องเรียนว่าแม่วัย 80 ปี เข้ามาปฏิบัติธรรมที่สำนักดังกล่าวจนไม่ยอมกลับบ้าน ตรวจสอบด้านในสำนัก พบ 11 ศพ อ้างว่าเป็นการรอขึ้นสวรรค์ โดยยังไม่มีเอกสารยืนยัน 5 ศพ นอกจากนี้ยังพบว่าลูกศิษย์กินฉี่ กินเสลด กินขี้ไคล พระบิดาที่ไม่ได้อาบน้ำมา 9 เดือน เชื่อว่าเป็นยารักษา นั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่สำรวจโดยรอบ และพูดคุยกับพระบิดา จู่ ๆ ก็มีหญิงคนหนึ่ง เป็นลูกศิษย์มีอาการประหลาดเกิดขึ้น คล้ายกับคนมีผีเข้า บอกกับผู้สื่อข่าวว่า คุณรู้หรือป่าว ว่าพระบิดา คือผู้สร้างโลก ใหญ่กว่า ศาสดาของทุกศาสนา และพระบิดาจะเป็นผู้ที่ครองโลกใหม่ใหม่อนาคต ก่อนจะมีหญิงอีกคนในสำนัก เข้ามาปิดปากห้ามไม่ให้พูดต่อ
พบว่า ช่วงหนึ่งขณะเจ้าหน้าที่คุมตัวพระบิดาออกจากสำนักเพื่อไปสอบปากคำที่โรงพัก ได้เกิดเหตุชุลมุน เมื่อบรรดาลูกศิษย์ต่างพากันต่อว่าและเข้าไปขัดขวาง บางรายถึงกับกรีดร้องด้วยความเสียใจ
ต่อมา ได้รับแจ้งข้อมูลว่า ภายในสถานที่แห่งนี้มีศพอยู่ประมาณ 11 ศพ ซึ่งศพเหล่านี้ เป็นศพของลูกศิษย์ที่เลื่อมใสและอยู่ปฏิบัติอยู่ที่นี่จนเสียชีวิต ซึ่งพระบิดาจะเป็นผู้กำหนดว่าจะให้ทำอย่างไรกับศพแต่ละศพ โดยทุกศพ นายมานะชัย งามดี ลูกศิษย์พระบิดา ระบุว่า ไม่ได้มีการฉีดฟอร์มาลีน แต่จะต่อสายไว้สำหรับให้น้ำเหลืองไหลลงมา ยืนยันว่า ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายและระบบสาธารณสุข
ส่วนผู้ร้องเรียนที่เป็นลูก ได้เจอกับคุณแม่ตัวเองวัย 80 ปี แต่คุณแม่กลับต่อว่าว่า ทำไมถึงทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และอยากจะอยู่ที่นี่ตายกับพระบิดา ในขณะที่ลูก ๆ ต่างขอร้องว่าขอให้กลับบ้านเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพ การที่มากินฉี่อยู่ที่นี่ อาจจะทำให้โรคประจำตัวรุนแรงมากขึ้น แต่คุณแม่ก็ไม่ยอมกลับบ้าน กระทั่งตำรวจเข้ามาช่วยเจรจาจนยอมกลับบ้าน
ขณะที่ ข่าว 3 มิติ รายงานว่า นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งลงพื้นที่ไปตรวจสอบด้วย ถึงกับตกใจและแปลกใจ ที่พบว่าสิ่งปลูกสร้างในสำนักนี้ มีร่องรอยการก่อสร้างมาแล้วอย่างน้อย 4 ปี โดยที่ไม่มีเบาะแสใดมาก่อนว่ามีลัทธิดังกล่าว จึงเป็นบทเรียนที่ต้องกำชับท้องที่ให้ตรวจสอบรัดกุม และดำเนินการเร่งด่วนเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม
เบื้องต้นตรวจพบว่า ที่ตั้งของสำนักดังกล่าว อยู่บนที่ดินสาธารณะบ้านกุดแคน ซึ่งจะต้องรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีฐานบุกรุก นอกจากนี้ การเก็บศพคนตายไว้ 11 ศพดังกล่าว รวมถึงการฌาปนกิจ ก็อาจไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข เพราะต่อให้เป็นฌาปนสถานของเอกชน ก็ยังต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน เมื่อรวบรวมหลักฐานชัดเจน ก็ให้ดำเนินคดี ขณะเดียวกันแพทย์นิติเวช ยังต้องตรวจชันสูตรเก็บตัวอย่างศพที่พบทั้ง 11 ศพดังกล่าวเพื่อเป็นฐานข้อมูล และยืนยันตัวผู้ตาย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องรัดกุม ส่วนสำนักดังกล่าวเตรียมถูกปิดประกาศให้รื้อถอน เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติต่อสำนักดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
ข่าวจาก : kapook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ