8 มิถุนายน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมที่สูงขึ้น 7.1% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 เดือนแรกปี 2565 อยู่ที่ 5.1% และสูงกว่ากรอบประมาณการของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดไว้ที่ 5.5% สาเหตุหลักคือราคาน้ำมันสูงขึ้น เชื่อว่าราคาน้ำมันจะยังสูงต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2565 อยู่ในระดับ 110-120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เชื่อว่าหลังเดือนกรกฎาคม ราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว รวมทั้งจีน เริ่มคลายล็อกจากโควิด ทำให้ความต้องการใช้มากขึ้น อาจได้เห็นราคาน้ำมันดีเซลในไทยสูงแตะ 40 บาทต่อลิตรได้
“ช่วงครึ่งหลังปี 2565 ภาวะเงินเฟ้ออาจถูกกดดันจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการไม่สามารถแบกรับต้นทุนต่างๆ ที่สูงขึ้นได้ ทั้งต้นทุนด้านวัตถุดิบ และค่าขนส่ง ทำให้เงินเฟ้อในประเทศยังคงสูงต่อเนื่อง อาจเห็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไตรมาส 4 เพื่อชะลอการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ”นายสนั่นกล่าว
นายสนั่นกล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปว่าเราจะเจอปัญหาเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีกมากหรือน้อยเท่าใด สิ่งที่ไทยเจอวันนี้ คือ เงินเฟ้อจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น แต่อนาคตอันใกล้อาจเจอเงินเฟ้อจากสินค้าราคาแพงเพิ่มเติมขึ้นอีก สิ่งที่น่ากังวลคือค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้หรือความสามารถในการใช้จ่ายโตไม่ทันกับภาวะเงินเฟ้อ สภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวยังเข้ามาไม่มากพอ ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจภาคบริการได้
“ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2565 เติบโตต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ แม้การส่งออกช่วงที่ผ่านมาจะมีทิศทางที่ดี แต่สงครามรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อ ยังเป็นปัจจัยบั่นทอนมากพอสมควร ทั้งต้นทุนวัตถุดิบ ปุ๋ย รวมถึงราคาพลังงาน ซึ่งกระทบกับค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นแล้วมากกว่า 20%” นายสนั่นกล่าว
นายสนั่นกล่าวว่า หอการค้าไทย เห็นว่ารัฐบาลต้องพยายามตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อรอให้เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวได้มากกว่านี้ก่อน ต้องหารือกันอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน พร้อมเติมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ อาทิ เร่งรัดการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้รวดเร็วขึ้น
นายชัยวัฒน์ วิบูลย์วัฒนกิจ นายกสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ราคาน้ำมันดีเซลที่ขึ้นไปแตะ 34 บาทต่อลิตรนั้น ราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นทุก 1 บาทต่อลิตร จะส่งผลให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นประมาณ 3% แต่จะให้ผู้ประกอบการขนส่งปรับขึ้นทีละ 1-3% ก็คงไปไม่รอด จึงมีผู้ประกอบการขนส่งบางรายทยอยปรับขึ้นค่าขนส่งขึ้น 15% จากเดิมที่คิดค่าขนส่งอยู่ที่ตันละ 500-700 บาทขึ้นอยู่กับระยะทาง ที่ปรับราคาขึ้นไปรอก่อนเพราะเชื่อว่าราคาน้ำมันดีเซลต้องปรับขึ้นไปถึง 35 บาทต่อลิตรแน่นอน ลูกค้าเข้าใจดีว่าผู้ประกอบการขนส่งจำเป็นต้องขึ้นค่าขนส่งตามสภาพที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ ทางผู้ประกอบการขนส่งก็ปรับตัวโดยลดต้นทุนต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจยังไปต่อได้ หากราคาดีเซลปรับลดลง ก็พร้อมลดค่าขนส่งลง
“เข้าใจว่าการปรับค่าขนส่งขึ้นในครั้งนี้ ส่งผลให้ภาระต้นทุนไปตกอยู่ที่ประชาชน แต่จะทำยังไงได้ เพราะทั้งสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และสมาคมเคยมีข้อเสนอไปแล้วหลายแนวทาง แต่รัฐบาลเลือกวิธีนี้ จึงต้องรับผลที่เกิดขึ้น และขอให้ผู้ว่าจ้าง รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาของที่แพงขึ้นเข้าใจด้วย”นายชัยวัฒน์กล่าว
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากผู้ผลิตสินค้าจะปรับราคาขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ อ้างเรื่องต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มสุกี้ แต่ละยี่ห้อปรับขึ้นไม่เท่ากัน เช่น ซอสปรุงรสยี่ห้อยอดนิยมขึ้น 5 บาทต่อขวด น้ำอัดลมเป๊ปซี่ขึ้นอีก 1-2 บาทต่อขวด
“ตอนนี้ไม่ใช่แค่สินค้าที่ขึ้นราคา ค่าขนส่งก็ปรับขึ้นสูงมากเกือบเท่าตัว ทำให้ร้านค้ามีต้นทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้และกำไรลดลง ยิ่งช่วงนี้กำลังซื้อฝืดมากจากภาวะเศรษฐกิจ วันนี้ทำการค้าลำบากขึ้นมาก”นายสมชายกล่าว
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ