อ.เจษฎ์ ไขข้อข้องใจ ดวงอาทิตย์ 4 ดวง ปรากฏการณ์ซันด็อก
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน เพจ “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์” ของนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้แชร์ภาพและคลิปของบัญชีเฟซบุ๊ก “Nueng Saksit” ที่เสมือนมีดวงอาทิตย์ 4 ดวง ซึ่งตั้งคำถามว่ามันคือปรากฏการณ์อะไร
โดยเพจอ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ แชร์มาพร้อมกับเขียนอธิบายว่า อันนี้เรียก ปรากฏการณ์ Sun Dog หรือสุนัขของพระอาทิตย์ ครับ…
เป็นปราฏการณ์ธรรมชาติที่เห็นได้เรื่อยๆ ในวันที่เมฆชนิดที่มีเกล็ดน้ำแข็งปะปนอยู่เยอะ จึงทำให้แสงอาทิตย์สะท้อนเป็นวงกลม เหมือนพระอาทิตย์ทรงกลด พระจันทร์ทรงกลด ครับ
เอาความรู้เรื่อง ปรากฏการณ์ซันด็อก (Sun Dog) จากเพจ Sci Math มาให้อ่านกันนะครับ
(บทความ) ปรากฏการณ์อาทิตย์ 3 ดวง
โดย : ณัฐดนัย เนียมทอง
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา (ธันวาคม 2560) พบภาพข่าวการเกิดปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ 3 ดวงในสวีเดน ทำให้อยากจะนำเสนอเรื่องปรากฏการณ์นี้ให้ทุกคนได้อ่านกัน
ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ 3 ดวง ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือตื่นเต้นอะไร เพราะจริงๆ ก็เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อย เช่น ตอนที่เราอยู่บนเครื่องบิน ในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานอยู่ในท้องฟ้า ซึ่งเรามักได้ยินชื่อเรียกสั้นๆ ของปรากฏการณ์นี้ว่า ปรากฏการณ์ซันด็อก (Sun Dog) ด้วยเหตุผลที่ว่าลักษณะแถบแสงที่เกิดขึ้นทั้งทางซ้ายและขวา ราวกับเป็นสุนัขข้างกายเจ้านายไม่หนีห่าง บ้างก็เรียกว่าดวงอาทิตย์จำลอง มีชื่อทางการว่า พาร์ฮีเลีย (Parhelia)
#ปรากฏการณ์ซันด็อก (Sun Dog) เกิดขึ้นได้อย่างไร
นักวิชาการด้านดาราศาสตร์ให้ข้อมูลว่า ปรากฏการณ์ซันด็อกนี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศโลกเพียงเท่านั้น
ปรากฏการณ์ซันด็อก (Sun Dog) เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติตามหลักการของการหักเหของแสงอาทิตย์ ผ่านผลึกน้ำแข็งรูปแผ่นหกเหลี่ยมในกลุ่มก้อนของเมฆ ซึ่งมักอยู่ในกลุ่มเมฆชั้นสูงที่เรียกว่า “เซอร์รัส” (Cirrus) ผลึกน้ำแข็งหกเหลี่ยมที่ว่าจะมีด้านกว้างขนานกับแนวระดับ โดยมีความสูงจากพื้นดินราว 10 กิโลเมตร
#เกิดขึ้นในช่วงไหน
ซันด็อก (Sun Dog) มักเกิดในช่วงดวงอาทิตย์ใกล้ขอบฟ้า นั่นก็คือช่วงพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตก และพบมากในฤดูหนาว ส่วนใหญ่จะมีรายงานข่าวพบในต่างประเทศโซนประเทศที่มีภูมิอากาศเย็นมากกว่าประเทศไทย
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นเป็นสำคัญได้ว่า ตัวแปรสำคัญนั่นคือลักษณะของแสงหรือลักษณะการหักเหของแสงที่ส่องเข้าไปยังผลึกน้ำแข็ง
ซึ่งจริงๆ แล้ ในทางวิทยาศาสตร์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแสงนี้ว่า เป็นแสงกลุ่มเดียวกับที่เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด เพราะแสงจากดวงอาทิตย์อาจมีลักษณะการหักเหในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดรูปทรงกลดแบบอื่นๆ เช่น เส้นโค้งเซอร์คัมชีนิคัล ที่เกิดจากการหักเหภายในผลึกรูปแผ่นทะลุออกทางผิวด้านข้าง ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นโค้งหงายขึ้นสีรุ้งอยู่เหนือดวงอาทิตย์ และอีกหลายรูปแบบที่อาจพบได้ เช่น เส้นโค้งเซอร์คัมฮร์ไรซัน วงกลมพาร์ฮีลิก พิลลาร์ ซับซัน ซับพาร์ฮีเลีย และเส้นโค้งโลวิตซ์
สามารถอ่านจากเอกสารเพิ่มเติมได้ที่ บทความ “อาทิตย์ทรงกลด ใครว่ามีแค่วงกลมทิตย์ทรงกลด ใครว่ามีแค่วงกลม”
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ