เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 19 ก.ค.65 นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย อภิปราย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ว่า รมว.แรงงานขาดความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการแรงงาน ปล่อยให้แรงงานลักลอบเข้าเมืองในช่วงโควิดระบาด เรื่องแรงงานมีผลประโยชน์ มีขุมทรัพย์มากมาย เป็นการทำนาบนหลังคน แรงงานที่เข้ามาในประเทศไทยหลายแสนคน เท่าที่รู้ ไปสอบถามมีการไปเก็บส่วย จ่ายให้นายหน้า แรงงานนอกจากจะเสียจากเมียนมา 2 หมื่นบาทแล้ว พอมาประเทศไทยยังต้องเสียอีก 1.5 หมื่นบาท ทั้งที่ ครม.ไม่มีมติให้แรงงานเข้ามา แต่ก็ยังปล่อยให้มีการนำเข้ามา เมื่อแรงงานเข้ามาแล้ว ก็ไม่ได้มีการกักกันตรวจโรค พอนำเข้ามาไปส่งให้บริษัทพรรคพวกของพวกท่าน โดยหนึ่งในบริษัทก็เป็นพรรคพวกของท่านอยู่ใน จ.ชลบุรี
นายนิคม อภิปรายว่า นอกจากนี้ยังทราบว่ามีเก็บค่าหัวแรงงานที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ 3 พันบาทต่อคน คนที่เก็บอ้างว่าเก็บให้นาย ตนก็ไม่รู้ว่านายที่ว่าคือใคร มีหลักฐานการพูดคุยทางไลน์และหลักฐานการโอนเงิน กระทรวงแรงงานแทนที่จะมีนโยบายส่งแรงงานไปต่างประเทศ ไม่ต้องไปเก็บเงิน เพราะแรงงานเหล่านี้ก็ไปหางาน นำเงินเข้าประเทศ แม้ท่านจะไม่ได้เก็บเอง แต่ก็ปล่อยให้เขาทำ ช่วงที่เกิดวิกฤติคนตกงาน ควรช่วยเหลือให้เขาหางานทำง่ายๆ ไม่ใช่ไปเก็บเงิน จึงบอกว่าท่านขาดความรู้ความสามารถ ปล่อยปละละเลยให้มีการเก็บส่วย ถึงแม้ท่านไม่ได้เก็บเอง แต่ก็ปล่อยให้คนของท่านไปเก็บ เชื่อว่าคนๆ นั้นมีความเกี่ยวข้องกับท่านเมื่อไปดูในรายละเอียด
นายนิคม อภิปรายต่อว่า นายสุชาติยังอนุมัติเงินประกันสังคมไปให้บริษัทพวกพ้องของท่านที่ชื่อ “สอภอ” ซึ่งในแวดวงรู้กันดีว่านายคนนี้เป็นนักปั่นหุ้นและฟอกเงิน นาย สอภอ มีบริษัทลูกอีก 3-4 บริษัท จากนั้นได้ทำการปั่นหุ้น สร้างความร่ำรวยขึ้นมา ต่อมานายสอภอ นำเงินมาซื้อหุ้น บ.อรินสิริแลนด์ (ARIN) ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อไปดูผลประกอบการบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงไตรมาส1 ของปี 2565 ผลประกอบการติดลบมาโดยตลอด แต่ที่น่าประหลาดใจ คือ ธ.ค.64 ราคาหุ้นเริ่มพุ่งขึ้น ทั้งที่ผลประกอบการขาดทุน ต่อมา 31 มี.ค.65 บริษัทก็ยังมีผลประกอบการขาดทุน แต่หุ้นพุ่งขึ้นมาถึง 138 เปอร์เซ็นต์
นายสุชาติจะบอกว่า ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะหนึ่งในกรรมการบริษัทมีภรรยา นายสุชาติ ถือหุ้นอยู่ด้วย เพื่อดันหุ้น จากราคาไม่กี่สตางค์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ราคาหุ้นอยู่ที่ 6.70 บาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผลประกอบการติดลบมาตลอด ไม่เชื่อว่าบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุน ราคาหุ้นจะขึ้นขนาดนี้ เอาเงินรัฐ เงินประกันสังคม เงินลูกจ้าง ที่เก็บไว้ในยามจำเป็น หรือยามเขาตกงาน ที่ต้องอาศัยเงินประกันสังคมมาช่วยพวกเขา แต่ท่านเอาเงินเหล่านี้ไปให้พวกพ้องท่าน อย่างนี้ ซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ เป็นการเอื้อต่อพวกพ้องหรือไม่
“ผมไปคัดหนังสือจากกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา น.ส.วิมลจิต อรินทมะพงษ์ ภรรยานายสุชาติ ยังมีอำนาจเต็มในบ.อรินสิริ นายสุชาติจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ ขอเรียกร้องให้ กลต.เข้ามาตรวจสอบรัฐมนตรีกับพวกเข้าข่ายปั่นหุ้นหรือไม่ โดยผมก็จะยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบด้วย สวรรค์มีตา เรื่องนี้มีข้าราชการในกระทรวงเป็นคนส่งข้อมูลมาให้ จากที่อภิปราย จึงไม่ไว้วางใจนายสุชาติ ควรพิจารณาตัวเอง อย่าให้พวกเราต้องโหวตเลย” นายนิคม ระบุ
ขณะที่ นายสุชาติ ชี้แจงทันทีว่า ตามที่มีการกล่าวหาเรื่องกองทุนประกันสังคม ตนไม่มีความเกี่ยวข้องการซื้อขายหุ้น การที่กองทุนประกันสังคมจะอนุมัติให้ใครล้วนผ่านการพิจารณาจากบอร์ด ที่มีตัวแทนจากหน่วยงานรัฐต่างๆ กองทุนประกันสังคมต้องลงทุนหาเงิน เพื่อให้ผู้ประกันตน 6-7 หมื่นล้านบาท ตนไม่ใช่นักเล่นหุ้น เชื่อว่าคงไม่มีใครคิดทำอะไรผิดกฎหมาย ตนปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรีพ.ศ.2543 ตามมาตรา4 ที่ให้รัฐมนตรีถือหุ้นได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์
ยอมรับว่าก่อนมาเล่นการเมืองได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จริง ไม่ได้ค้าแป้ง เมื่อได้เป็นรัฐมนตรี ได้ชี้แจงทรัพย์สินตั้งแต่ 5 ส.ค.63 และจัดการหุ้นของตัวเองและคู่สมรส และแจ้งต่อประธาน ป.ป.ช.ภายใน 76 วัน ปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นของตนและครอบครัว ได้โอนมอบทรัพย์สินให้ผู้จัดการบริหารไปเรียบร้อยตามรัฐธรรมนูญ โดยหุ้นที่มีอยู่ไม่เกิน 5% ก็ยังอยู่เท่าเดิม ส่วนการเป็นกรรมการผู้จัดการของคู่สมรสนั้นก็เป็นก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งไม่ผิดกฎหมาย
“ส่วนหุ้นจะขึ้นหรือลงผมไม่ทราบ การจะอนุมัติเป็นเรื่องของบอร์ดกองทุนประกันสังคม และที่กล่าวหา มีการเอื้อบริษัทใหญ่ให้บริษัทแห่งหนึ่งในชลบุรี ได้ถามอธิบดีกรมจัดหางานว่าบริษัทดังกล่าวรับแรงงานต่างด้าวมา 182 คน ไม่มีการเก็บส่วย ไม่มีการเก็บหัวคิว และเรื่องการส่งแรงงานไปต่างประเทศ ก็เป็นไปตามระเบียบ การส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ ที่แต่ละประเทศมีค่าใช้จ่าย รายละเอียดแตกต่างกัน” นายสุชาติ ระบุ
ข่าวจาก : ข่าวสด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ