แม่ นศ.แพทย์ ถูกรถชน แฉ มข.ยังไม่เยียวยาสักบาท มีแค่ป้ายมาถ่ายรูป





จากเหตุการณ์รถบัสคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชนรถจักรยานยนต์นักศึกษาแพทย์ บริเวณ 3 แยกหน้าคณะเภสัชศาสตร์ ภายในมหาวิทยาลัย เป็นเหตุให้นักศึกษาแพทย์ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย คือ นางสาวอรุณนภา วัฒนพานิช หรือ น้องอาย อายุ 19 ปี นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 2 ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น

จากเหตุการณ์รถบัสคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชนรถจักรยานยนต์นักศึกษาแพทย์ บริเวณ 3 แยกหน้าคณะเภสัชศาสตร์ ภายในมหาวิทยาลัย เป็นเหตุให้นักศึกษาแพทย์ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย คือ นางสาวอรุณนภา วัฒนพานิช หรือ น้องอาย อายุ 19 ปี นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 2 ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น

ล่าสุด (22 สิงหาคม 2565) เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า นางนิตยา รุ่งสถิต อายุ 55 ปี มารดาของนางสาวอรุณนภา วัฒนพานิช หรือ น้องอาย อายุ 19 ปี ผู้เสียชีวิต เดินทางเข้าพบ รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ ในฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ผศ.ดร. พักตร์วิไล ศรีแสง คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ และคนขับรถบัสคันเกิดเหตุ เพื่อเจรจาการรับผิดชอบเยียวยา ที่ สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งแม่น้องอายเผยว่า ตนขอค่าเยียวยาการเสียชีวิตของลูกสาวกรณีที่เรียนจบแล้วได้เป็นแพทย์ ตั้งแต่อายุ 25 ปี จนถึงเกษียณอายุราชการ อายุ 60 ปี ค่าจ้างวันละ 5,000 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 66 ล้านบาท

นางนิตยา กล่าวว่า ทางตัวแทน มข. บอกให้ครอบครัวเป็นผู้เสนอว่าต้องการให้ช่วยเหลืออย่างไรบ้าง ตนในฐานะแม่จึงบอกไปว่า อยากให้ มข. คิดถึงคนทำหน้าที่แพทย์ เพราะอธิการบดี มข. ก็เป็นแพทย์ น่าจะรู้และเข้าใจว่าการจะเรียนจบและมาทำหน้าที่แพทย์เป็นอย่างไร เมื่อเป็นแพทย์ต้องทำหน้าที่อย่างไรบ้าง ขอให้เข้าใจในจุดนี้ เพราะการมาพูดคุยนั้น อยากคุยกับอธิการบดี มข. อยากรู้ความรู้สึกนึกคิด อยากรู้การแสดงออกที่เห็นว่ามีความรับผิดชอบ แต่อธิการบดีไม่มา แต่ส่งตัวแทนมา แต่พอเสนอไปก็ยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะตัวแทน มข. ใช้คำว่า มข. ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมของ มข. ก่อน จากนั้นก็ยื่นเรื่องเข้าที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยขอนแก่นตามขั้นตอน ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะนำเรื่องนี้เข้าเป็นมติของที่ประชุมหรือไม่

แม่ติดใจขอใบชันสูตรพลิกศพไม่ยอมให้ อ้างต้องตรวจชิ้นเนื้อทั้งที่ลูกรถชนตาย ไม่ได้ป่วยตาย

โดยหลังลูกสาวเสียชีวิต มีเพียงคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ และเจ้าหน้าที่คณะพยาบาล ที่มาดูแลเอาใจใส่ในทุกเรื่อง ต้องขอบคุณด้วย แต่ไม่เคยเห็นอธิการบดีมาเลย ได้รับแจ้งว่าไม่สบาย ซึ่งตนเคยขอใบชันสูตรพลิกศพจากนิติเวช มข. เพื่อเอาไปเบิกเงินประกันชีวิตลูก แต่ก็เป็นประเด็นแคลงใจ เพราะขอไป 3 ครั้ง ยังไม่ได้ มข. อ้างว่าอยู่ระหว่างการส่งชิ้นเนื้อไปตรวจพิสูจน์ ทั้งที่ลูกตนตายจากอุบัติเหตุ มีภาพให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้าย หรือติดเชื้อร้ายอะไร ทำไมต้องตรวจชิ้นเนื้อ

ส่วนตัวอยากคุยกับตัวอธิการบดี ทุกอย่างจะได้จบไม่ต้องยืดเยื้อ เพราะการสูญเสียของครอบครัวไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่ความรับผิดชอบของ มข. สามารถประเมินได้ ตั้งแต่ลูกเข้ามหาวิทยาลัยได้ ได้เรียนตามที่เข้าต้องการ ทุกคนในครอบครัวต่างดีใจ และภูมิใจอย่างมากที่สุด ทั้งอากง อาม่า เมื่อสูญเสียน้องอายไป ไม่ใช่แค่การสูญเสียชีวิตคนคนหนึ่ง แต่มันสูญเสียจิตใจของคนที่เลี้ยงดูมา ซึ่งข้อเสนอที่ให้ไปทาง มข. แจ้งว่าจะให้คำตอบวันที่ 12 กันยายน

ทั้งนี้ ตนเองต้องทนฟังเสียงร้องไห้ของคนในครอบครัว อาม่าถึงขั้นขอร้องยมบาลขอให้เอาอาม่าไปแทนแล้วส่งหลานกลับมา ตอนนี้สูญเสียลูกไปแล้วมันประเมินค่าไม่ได้ แต่สิ่ง มข. จะต้องรับผิดชอบนั้น มันสามารถประเมินเป็นตัวเลขได้ หมอคนหนึ่งที่จบออกมาได้งานทำแน่ ๆ จะมีรายได้เท่าไหร่ ค่าตอบแทนเท่าไหร่จนถึงเกษียณอายุราชการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นก็เป็นหมอ ก็น่าจะทราบดี ตนเข้าใจข้อเท็จจริงของทุก ๆ ฝ่าย สิ่งนี้ไม่ควรเกิดกับใคร การบอกว่าเสียใจนะ ต่อไปจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ไม่มีเคสไหนที่ออกมาบอกว่าเราจะรับผิดชอบให้ดีที่สุด หรือแจ้งมาว่าจะรับผิดชอบอย่างไร

แม่เผย มข. จัดฉากเยียวยา 1.3 แสน ถ่ายรูปถือป้ายมอบเงิน ตั้งแต่หลังลูกตาย 1 วัน แต่จนตอนนี้ยังไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว

ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ลูกเสียชีวิตวันแรก มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอธิการบดีมาบอกว่าจะมีเงินมาช่วยเหลือจำนวน 130,000 บาท เป็นส่วนของมหาวิทยาลัย ให้เซ็นหนังสือไปก่อนจะได้รวดเร็วในการดำเนินการ และจะโอนเข้าบัญชีของพ่อและแม่คนละครึ่ง ตอนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะต้องการให้เสร็จสิ้นงานศพของลูกสาวก่อน ก็เบลอ ๆ เซ็นไป ใครว่าอะไรมาก็ไม่ได้ขัด จนเวลาผ่านไป มาสะกิดใจว่าอธิการบดีไม่ได้มาด้วย มีเพียงเจ้าหน้าที่มาและแจ้งว่าอธิการไม่สบาย อธิการป่วย และก็ไม่เคยมาร่วมงานศพเลยแม้แต่วันเดียว

ต่อมามีข่าวออกมาช่วงบ่ายสอง ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดบอกกับนักข่าวว่า มข. ได้ดูแลครอบครัวทั้ง 2 ครอบครัวแล้ว และอยู่ ๆ เจ้าหน้าที่ที่ให้เซ็นก็ถือป้ายมอบเงิน 130,000 บาท มามอบทันที โดยมอบให้กับอากง อาม่า พ่อ และแม่ ตนเองก็งง แต่ไม่ได้ขัดอะไร ทุกอย่างทางมหาวิทยาลัยจัดแจงทั้งหมด และถ่ายรูปรับมอบไป พอเผาศพลูกเสร็จ มีผู้บริหารจาก มข. เดินมาหาแล้วบอกว่า มีหลวงพ่อที่ชาว มข. นับถือ มาเข้าฝันบอกว่าน้องอายมาเข้านิมิต ท่านจะมาสวดให้แต่มาไม่ทัน ท่านจึงแผ่เมตตาให้ ยืนยันว่าน้องไปเป็นนางฟ้าแน่นอน ก่อนจะเอาเอกสารมาให้ว่าจะต้องนำเอกสารอะไรมาประกอบเบิกเงินบ้างกับทางมหาวิทยาลัยแล้วก็จบไปในวันนั้น แต่จนตอนนี้ผ่านมา 12 วัน ยังไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว

 

ข่าวจาก : kapook

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: