จากกรณีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ทำการจับกุม น.ส.สุนันทา อายุ 29 ปี พนักงานฝ่ายทะเบียนราษฎร อำเภอเมืองชลบุรี โดยมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดภายในห้องนอน บ้านพักของ นางตวงทิพย์ ภาวสุทธิ์ชัยกิจ นายกเทศมนตรีตำบลหนองไม้แดง ได้จับภาพพฤติกรรมขณะเข้าไปรื้อค้นห้องนอน ก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋าออกไป หลังการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดยังพบว่า น.ส.สุนันทา ได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันทุกวันรวม 21 ครั้ง
สืบเนื่องจากตลอดเวลาเป็นเวลานานกว่า 5 ปี นางตวงทิพย์ ถูกลักขโมยเงินทุกวัน วันประมาณ 5,000 ถึง 20,000 บาท ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่ได้สังเกต จนมาระยะหลังจึงได้สังเกตมาตลอดว่าเงินทำไมถึงหายไปตลอดทุกวัน ทีแรกก็สงสัยคนรอบข้างทุกคน แม้กระทั่งลูกสาวตัวเองก็ยังคิดว่าเป็นขโมย จนถูกคนรอบข้างมองว่าป่วยมีอาการทางจิตเป็นโรคระแวง
จนล่าสุดจึงตัดสินในติดกล้องวงจรปิดภายในห้องนอนจึงเห็นพฤติกรรมสาวแสบทุกอย่าง โดยได้อดทนแบบสุดๆ ให้กล้องจับภาพทุกวันเป็นเวลา 21 วัน จึงแน่ใจแน่นอนว่าสิ่งที่ตนสงสัยคนร้ายที่ขโมยเงินตนทุกวันคือ น.ส.สุนันทา จึงตัดสินใจนำคลิปกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ในเคหสถาน ขณะที่จากการตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารของผู้ต้องหายังพบมีการเปิดบัญชีมากกว่า 5 ธนาคาร และบางธนาคารมียอดเงินสะสมกว่า 4 ล้านบาท ทั้งที่ผู้ต้องหามีเงินเดือนจากการเป็นพนักงานเทศบาลเพียง 12,000 บาท
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง โดยได้กระทำการดังกล่าวได้ประมาณ 2 ปี และอ้างว่าสาเหตุจูงใจเกิดจากความโลภ ส่วนเงินที่ยักยอกไปได้นำไปใช้จ่ายรายวัน โดยที่ผู้เสียหาย คาดว่าน่าจะหายไปเกือบ 10 ล้านบาท ทางพนักงานสอบสวน ตั้งข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ต่างกรรม ต่างวาระ หลังจากนั้น ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลจังหวัดชลบุรี แต่ทางผู้ต้องหา ทำการอุทธรณ์ ไปถึงชั้นฎีกา โดยอ้างว่ามีภาระต้องดูแลบิดามารดาที่ชราและต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่ยังไม่ได้เรียนหนังสือหรือมีเหตุอื่นตามที่อ้าง ในฎีกาก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ ภาค ๒ ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จึงได้ตัดสินจำคุกผู้ต้องหา รวมจำนวน 12 ปี
โดยทางด้านผู้สื่อข่าว ยังได้รับรายงานว่า ได้มีการฟ้องแพ่ง ตามทรัพย์คืน ให้ศาลจังหวัดชลบุรี ได้มีการฟ้องตามยึดทรัพย์อีกด้วย หลังศาลจังหวัดชลบุรีตัดสินในคดีนี้
ด้านนางตวงทิพย์ ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกว่า ที่ผ่านมาระหว่างคดีอยู่ในการพิจารณาที่ศาล ตนรู้สึกว่าช้ามาก จนมาถึงวันนี้ตนรู้สึกดีใจที่สุด ที่สามารถเอาคนผิดที่ไม่รู้จักบุญคุณคนที่ดีด้วย ให้รับโทษตามกฎหมาย ตลอดเวลาผู้ก่อเหตุไม่สำนึกผิด เพราะหากรู้สึกผิดคงไม่สู้คดีจนถึงชั้นศาลฎีกา ตนจึงอยากที่จะฝากเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้อื่น ว่าถึงแม้เราจะทำดีกับใครมากแค่ไหนก็ไม่ใช่ว่าเขานั้นจะดีตอบกับเรา ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญของตนครั้งหนึ่งในชีวิตด้วย
ข่าวจาก : sanook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ