23 ก.ย.2565 ที่กรมขนส่งทางบก นายอภิสิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) คนขับรถเมล์ เดินทางเข้ารายงานตัว ภายหลังจากมีคลิปพนักงานขับรถโดยสาร ขสมก. สาย 3 (กำแพงเพชร-คลองสาน) ทำร้ายร่างกายชายขับรถจักรยานยนต์ ถนนกำแพงเพชร 2 บริเวณจุดกลับรถหน้าสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนขับรถออกจากอู่กำแพงเพชร 2 ในช่วงเวลา 17.20 น. และในช่วงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกำแพงเพชร ปรากฏว่าเจอคู่กรณีกำลังขับรถจักรยานยนต์เล่นโทรศัพท์และแทรกซ้ายเข้ามาขณะรถเมล์กำลังเลี้ยวซ้าย ตนจึงบีบแตรเตือนไป 1 ครั้ง แต่เขาก็ยังไม่หยุดเล่น จึงบีบแตรเตือนไปอีก 1 ครั้ง ทำให้คู่กรณีไม่พอใจและตะโกนด่าตามมา แต่ตนไม่ได้ยิน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า จากนั้น เขาก็ยังขับรถตามมา ตนจึงเปิดกระจกและตะโกนไปว่า “คุณไม่เห็นเหรอว่าผมเลี้ยวซ้ายอยู่ มันอันตรายนะ” เขาก็ตอบกลับว่า “แล้วไง ถ้ามีปัญหาก็ลงต่อยกัน” ตอนนั้นยอมรับว่า ตนเริ่มมีอารมณ์ขึ้นแล้ว แต่พนักงานเก็บเงินห้ามเอาไว้ ซึ่งหลังจากนั้น ตนก็ขับรถตามเส้นทาง แต่คู่กรณียังพยายามตีขวามาตลอดทาง พร้อมกับให้ของลับและด่าถึงบุพการี ก่อนจะขับนำหน้าไปจนถึงแยก อตก. ที่จะเลี้ยวซ้ายไปหมอชิต 2
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า โดยคู่กรณีได้ไปจอดรถรออยู่ใต้สะพานลอยก่อนถึงตึกแดง และยังตะโกนขึ้นมาในรถว่า “จะเอายังไง ลงมาดิ” แต่ตอนนั้นตนไม่สนใจ เพราะคิดว่าเรื่องคงจบแล้ว จนกระทั่งไปถึงรถเมล์ป้ายที่ 2 เขาก็ยังตามมาด่าไม่หยุด ตนจึงขับรถเข้าเลน 3 เพื่อวิ่งตรงเข้าไปยังหมอชิต เขาก็ยังกวนไม่เลิก สุดท้ายตนจึงตัดสินใจเปิดกระจกลงอีกรอบแล้วบอกว่า “พอเหอะ แยกย้าย ไม่อยากมีปัญหา”
“เมื่อปิดกระจก จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงสิ่งของกระแทกที่ตัวรถอย่างแรง และเห็นคู่กรณีอยู่ทางฝั่งขวาของรถ ผมจึงหักรถจอดตรงจุดกลับรถตามที่เห็นในคลิป เพื่อลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ตั้งใจไปเบียดรถจักรยานยนต์ ซึ่งตอนนั้นผมวิ่งลงมาเพื่อที่จะดูรถเท่านั้น แต่คู่กรณีพยายามเข้ามาทำร้ายร่างกายจนเหตุการณ์ชุลมุน โดยตอนนั้นจำได้ว่ามีผู้โดยสารอยู่ประมาณ 3 คน ซึ่งทุกคนเป็นพยานได้อย่างดี” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า ตนไม่มีความประสงค์ที่จะมีเรื่องตั้งแต่แรก ด้วยความที่ตัวเองขับรถโดยสาร จึงตระหนักดีว่าอยู่ในเครื่องแบบและไม่ได้เป็นคนเกเร ไม่มีเจตนาที่จะขับรถชนหรือเบียดอยู่แล้ว แต่จอดเพื่อดูความเสียหายของรถเมล์เท่านั้น หากคู่กรณีจะเข้ามาขอโทษก็ยินดี เพราะตนก็ผิดที่ใจร้อนและใจเย็นไม่พอ
ด้าน นายสนั่น จำปา หัวหน้าฝ่ายเปรียบเทียบ รักษาการผู้อำนวยการกองตรวจการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้สอบถามเจ้าตัวและได้พิจารณาในกรณีนี้แล้ว พบความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก 2522 มาตรา 102 (4) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่งและคนขับลงมาจากรถ ถือเป็นการละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องนำส่งผู้โดยสาร มีโทษปรับ 3,000 บาท และพักใช้ใบอนุญาตในการขับรถ 1 เดือน พร้อมหยุดปฏิบัติหน้าที่ 1 เดือน
โดยจากตรวจสอบประวัติของคนขับรถเมล์รายนี้ ยังไม่พบการกระทำความผิดมาก่อน แต่การกระทำดังกล่าวทำให้เสียภาพลักษณ์ต่อองค์กร
ข่าวจาก : ข่าวสด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ