จากกรณีนางหอมเมือง อายุ 53 ปี ชาว อ.ศรีธาตุ เข้าร้องเรียนกับเจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย และสื่อมวลชน จ.อุดรธานี หลังลูกสาววัย 35 ปี แอบขายบ้านหรูทรงสเปนพร้อมที่ดิน 2 ไร่ ได้เงินมากว่า 5 ล้านบาท ทำเอาคนเป็นแม่เสียใจร่ำไห้ เพราะลูกสาวไม่บอกแม่สักคำ ทั้ง ๆ ที่ดินและบ้านสร้างมากับมือ สุดท้ายมาทำแบบนี้ จึงอยากให้ลูกสาวออกมาพูดคุยเจรจาด้วย นั้น
ความคืบหน้าล่าสุด (31 ตุลาคม 2565) ข่าวช่อง 3 รายงานว่า เฮียเปี๊ยก พร้อมด้วย นางหอมเมือง และ น.ส.แหม่ม ลูกสาว เดินทางมาไกล่เกลี่ยเรื่องดังกล่าวที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.ศรีธาตุ โดยมีปลัดอำเภอเข้าไกล่เกลี่ย ซึ่งทางลูกสาวไม่ประสงค์และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปรับฟังด้วย
ทั้งนี้ ระหว่างไกล่เกลี่ยนั้น เกิดการโต้เถียงกันเดือดระหว่างแม่และลูก โดยแม่ยังยืนยันลูกสาวแอบขายบ้าน และไม่แบ่งให้แม่และน้อง ๆ บ้าง แต่ลูกสาวยืนยันไปซื้อที่ดินหลังจากหลุดจำนองจากเสี่ยจำนองที่ดินแล้ว พร้อมนำเอกสารที่ดินมาให้ดู สุดท้ายแม่จึงอ่อนลง
นางหอมเมือง ผู้เป็นแม่ เผยว่า วันนี้มาเพื่อพูดคุยเพราะยังคาใจเรื่องลูกสาวขายที่ดินและบ้าน ส่วนเรื่องเอกสารที่ดินหลุดจำนองที่ลูกสาวบอกไปซื้อจากนายทุน ยอมรับว่ามันหลุดจริง ๆ ส่วนเงิน 700,000 บาท ที่ลูกสาวอ้างว่ายืมเงินสามีมาซื้อที่ดินก็ไม่เป็นไร เขาเป็นครอบครัว แต่อยากจะฝากถึงลูกสาวว่า หากไม่ให้เงินแม่ก็ขอแบ่งให้น้องทั้งสองคน
ด้าน น.ส.แหม่ม ลูกสาว ยืนยันซื้อที่ดินมาอย่างถูกต้อง เงิน 700,000 บาท เป็นเงินสามีชาวญี่ปุ่นที่ไปซื้อที่ดินหลังจากที่แม่เอาไปจำนองแล้ว จำได้ว่าไปซื้อต่อจากนายทุนเมื่อปี 2553 และที่ผ่านมาก็เคยใช้หนี้ให้แม่หมดไปหลายแสนบาทด้วย เมื่อซื้อบ้านหลังนี้มาได้ก็ขายไปในราคา 2 ล้านบาท
ตนยอมรับแม่ชอบเล่นหวยและอบายมุข แต่ต้องเข้าใจตนด้วย ตนกินเงินเดือนจากแฟนชาวญี่ปุ่น ซึ่งเขาก็รับรู้ด้วยว่าตนเอาเงินไปทำอะไรบ้าง และเงินที่ขายบ้านได้นั้นขายได้จำนวน 2 ล้านบาท ไม่ใช่ 5 ล้านบาท ตามที่แม่กล่าวอ้าง วันนี้มาพูดคุยกับแม่เพื่อขอจบศึก เพราะยังไงแม่ก็คือแม่ และขอความเป็นธรรมให้ตนด้วย ยืนยันไม่ฟ้องแม่แน่นอน ยังรักแม่เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม เฮียเปี๊ยก เจ้าของเพจ เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย ชี้แจงถึงข้อสงสัยในเรื่องที่คุณแม่คาใจเรื่อง กรรมสิทธิ์ที่ดินที่ชื่อแม่และลูกถือร่วมกัน แต่ทำไมลูกไปขายได้นั้น จากการที่ดูพยานหลักฐานสรุปว่า มีการซื้อ-ขายกันถูกต้อง เนื่องจากแม่ได้ขาดส่งดอกเบี้ยตามกำหนด สิทธิก็เลยตกเป็นของนายทุน ดังนั้น นายทุนจึงมีสิทธิที่จะยึดแล้วสามารถขายต่อให้กับใครก็ได้ ซึ่งกรณีนี้ลูกสาวมาซื้อต่อ ไม่มีการปลอมแปลงลายเซ็นหรือเรื่องของกิจกรรมตามที่คุณแม่สงสัย ทำให้การพูดคุยของทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ สรุปไม่ติดใจเอาความและไม่มีการฟ้องร้องกัน
ข่าวจาก : ข่าวช่อง 3
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ