10 พฤศจิกายน 2565 เว็บไซต์ 163.com ได้เผยเรื่องราวของ นายต้าเป่า เป็นหนุ่มจากชนบท คุณพ่อของเขาเสียชีวิตตั้งแต่ที่เขายังเล็ก และแม่ก็เป็นคนเลี้ยงดูเขามาแต่ลำพัง จนกระทั่งต้าเป่าได้มาเจอกับซู่หลิง สาวสวยจากในเมือง ซึ่งคุณพ่อของซู่หลิงเป็นถึงปลัดอำเภอ แม้ว่าครอบครัวของต้าเป่าจะยากจน แต่ครอบครัวของซู่หลิงก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด จนเมื่อทั้งต่าเป่าและซู่หลิงตกลงปลงใจแต่งงานกัน ทางครอบครัวของซู่หลิงก็อาสาเป็นเจ้าภาพจัดงาน เป็นฝ่ายหาสินสอดทองหมั้น รวมทั้งยังให้บ้านและรถเป็นของขวัญแต่งงานกับทั้งคู่ด้วย
ในวันแต่งงาน มีคนใหญ่คนโตมาร่วมงานแต่งงานเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงเพื่อน ๆ และคนดังจากรายการวิทยุ ซึ่งต้องบอกว่างานแต่งงานครั้งนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ และทางคุณแม่ของซู่หลิงก็เป็นคนจัดการว่า จะให้แขกคนไหนนั่งกับใคร
หลังจากที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปยืนรอต้อนรับแขกตรงประตู ทั้งคู่ก็เข้ามาร่วมงานและนั่งที่โต๊ะประธานซึ่งเป็นโต๊ะใหญ่ มีคุณพ่อ คุณแม่ และปู่ย่าตายายของซู่หลิง รวมไปถึงพ่อสื่อแม่ชัก ที่นั่งด้วยกันที่โต๊ะนี้ แต่ไม่เห็นแม่ของต้าเป่า ต้าเป่าก็สับสนมากเพราะแม่เขามางานตั้งแต่เช้า คิดว่าน่าจะถึงแล้ว เขาจึงถามซู่หลิงว่าแม่ไปไหน ทางคุณแม่ซู่หลิงเลยบอกว่า “คุณแม่มาแล้วจ้า ตอนนี้คุณแม่นั่งกับญาติ ๆ ของเธอยังไง” พร้อมกับที่ชี้ไปที่อีกโต๊ะที่ไม่ไกลออกไป
ต้าเป่าจึงมองไปที่โต๊ะนั้น และเห็นว่าที่โต๊ะนั้นมีคนนั่ง 8 คน ทุกคนเป็นญาติทางฝั่งต้าเป่า และคุณแม่ของต้าเป่าก็นั่งหน้าจ๋อย ญาติ ๆ หลายคนก็เหมือนไม่ได้สนุกกับงาน ต่างก้มหน้าก้มตากันใหญ่ ทำให้ต้าเป่าลุกไปเชิญแม่มานั่งที่โต๊ะใหญ่ด้วยกัน แต่แม่ของต้าเป่าปฏิเสธ และบอกว่าแม่จะนั่งกับญาติ ๆ แทน ให้ลูกไปนั่งที่โต๊ะประธานเถอะ แต่ต้าเป่าก็ยืนยันว่าไม่ได้ เพราะแม่เขามีความสำคัญกับงาน จะมานั่งที่โต๊ะเล็กได้อย่างไร จนแม่ยอมบอกว่า คุณแม่ของซู่หลิงบอกว่า โต๊ะใหญ่มีที่ไม่พอ ให้แยกไปนั่งกับญาติ ๆ แทน
ต้าเป่าได้ยินดังนั้นก็โกรธหนัก จูงมือแม่ตัวเองไปถามแม่ของซู่หลิงว่า ทำไมถึงให้แม่ของเขาไปนั่งรวมที่โต๊ะเล็ก แม่คือแม่ แม่ต้องนั่งโต๊ะใหญ่ แต่แม่ของซู่หลิงบอกว่า โต๊ะใหญ่นั่งได้แค่ 8 คนเท่านั้น ไม่เหลือเก้าอี้ว่างแล้ว และญาติของต้าเป่าก็มี 7 คนเท่านั้น ให้แม่ของต้าเป่านั่งที่โต๊ะเล็กเถอะ
ได้ยินดังนั้นต้าเป่าก็โมโหหนัก และบอกว่า “นี่แม่ของผมนะ จะให้แม่ผมนั่งตรงไหนถ้าไม่ใช่โต๊ะประธาน หัดเคารพกันบ้างได้ไหม”
พอเจ้าบ่าวในงานตะโกนแบบนั้น ก็ทำเอาพ่อของซู่หลิงโมโหและด่าต้าเป่าว่า “แกคิดว่าแกเป็นใครถึงกล้ามาขึ้นเสียงใส่เมียฉัน ให้แม่แกนั่งกับญาติ ๆ จากบ้านนอกก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ อยากให้แม่แกนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะหรือยังไง หา”
เมื่อเป็นแบบนั้นก็ทำเอาต้าเป่ามองไปที่ซู่หลิง เพราะอยากให้ซู่หลิงช่วยพูด แต่กลายเป็นว่าซู่หลิงยืนขึ้นและชี้หน้าด่าต้าเป่าว่า “คุณต้องจำไว้ด้วยนะว่าแกเป็นใคร โชคดีแค่ไหนที่ได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา แต่ละโต๊ะนั่งกันได้แค่ 8 คน คุณอยากจะให้พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และพ่อสื่อแม่ชักหลีกทางให้แม่คุณเหรอ แม่ของคุณก็นั่งกับญาติ ๆ แล้วไง ยังไม่พอใจอะไรอีก โต๊ะนี้มีแต่คนสำคัญ ใครจะอยากนั่งกับคนบ้านนอก”
งานนี้ทำเอาต้าเป่าโมโหจัด ล้มโต๊ะประธาน และทำลายดอกไม้ในพิธี ก่อนออกไปจากงานพร้อมกับแม่
สุดท้าย งานแต่งงานก็ล่ม ทั้งต้าเป่าและซู่หลิงไม่ได้แต่งงานกัน และเมื่อคนในหมู่บ้านใด้ข่าว ก็บอกว่าต้าเป่าโง่เอง แทนที่จะอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่บางคนก็บอกว่าต้าเป่าฉลาดแล้ว ถ้าครอบครัวบ่าวสาวไม่ได้มองว่าต้าเป่าเท่าเทียมกับพวกเขาตั้งแต่ต้น มองว่าเขาเป็นคนบ้านนอก ถ้าแต่งงานเข้าไป ก็อาจทำให้ฐานะของต้าเป่าในบ้านหลังนั้นไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่ง
ข่าวจาก : kapook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ