15 ก.พ.2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ อภิปรายกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 63 ปรับแก้ร่างสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วน D) และสัญญาโครงการทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด (ทางพิเศษอุดรรัถยา) เพื่อระงับข้อพิพาทสัมปทานทางด่วน ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ที่อยู่ระหว่างฟ้องร้องกัน
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การต่อสัญญาดังกล่าว เป็นการปล้นสาธารณสมบัติแผ่นดิน ขโมยเงินหลวง รีดเอาทรัพย์จากประชาชน จากข้อพิพาท 17 คดี ที่เอกชนยื่นฟ้องมีเพียงคดีเดียว มูลค่า 1,790 ล้านบาท ที่ชนะคดี บวกกับดอกเบี้ย 4,318 ล้านบาท เท่ากับเรื่องนี้ ครม. ได้นำทรัพย์สินมูลค่าแสนล้านบาท ไปยินยอมประนีประนอม และยังมีผลทำให้โครงการทางด่วนที่กำลังจะครบสัญญา และจะตกเป็นสาธารณสมบัติของประเทศและประชาชน ต้องขยายไปอีก 15 ปี 8 เดือน ถือว่าส่งผลกระทบโดยตรงต่อประโยชน์ส่วนรวม
“การตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และคณะ มักง่าย พวกท่านต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่างน้อยหากไม่ปรับแก้สัญญาจะต่อสู้กันไปอีก 10 กว่าปี แต่ทำไมท่านไม่นึกถึงความผาสุกของประชาชน จากที่ครบสัญญาแล้ว ทรัพย์สินส่วนนี้จะตกเป็นของแผ่นดิน ประชาชนจะได้ขึ้นทางด่วนในราคาถูก
แต่ปัจจุบันกลับไปให้ประโยชน์เอกชน ซึ่งมีเงินอยู่แล้ว แต่กลับผลักภาระให้ประชาชนที่ทุกวันนี้เสียค่าทางด่วนแพงมาก เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็นการสมคบกัน เมื่ออำนาจกับตำแหน่งมาสมคบคิดกัน จึงเกิดเหตุการณ์ลักษณะที่เสียหายอย่างยิ่ง” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ข่าวจาก : ข่าวสด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ