“หมอเก่ง ก้าวไกล” เผยข้อเสนอเรียนหมอ7ปี ไม่แก้ปัญหา intern ลาออก แนะให้ดูข้อจำกัดเรื่องคน-งบ





9 มิ.ย.2566 ที่โรงแรมเดอะ ฮอลล์ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ 4 ชมรมแพทย์และสาธารณสุข เสนอให้มีการเรียนแพทย์เพิ่มจาก 6 ปี เป็น 7 ปี โดยให้ปีที่ 7 เป็นการเรียนแพทย์เพิ่มพูนทักษะ (Intern) เมื่อเรียนจบก็สามารถมาทำงานได้ทันที ระหว่างมาร่วมเสวนาภายในงานวันไข้เลือดออกอาเซียน ที่จัดโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ว่า การแก้ไขปัญหาภาระงานของแพทย์ด้วยการให้แพทย์เรียน 7 ปี ตนมองว่าเป็นถอยหลัง เพราะไทยเคยมีระบบการบังคับเรียนหมอ 7 ปีมาแล้ว

ซึ่งเดิมโรงเรียนแพทย์ก็เคยปรับการเรียนหมอจาก 4 ปี เป็น 5 ปี 6 ปี และ 7 ปี แล้วก็ถอยกลับมาเหลือ 6 ปี ฉะนั้น เราเคยประสบปัญหานี้ และมีแนวทางแก้ไขแบบนั้นไปแล้ว ตนจึงมองว่าไม่ควรจะย้อนกลับไปสู่อดีตด้วยการเรียนหมอ 7 ปี

“ควรต้องมาดูว่าเรื่องนี้แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดหรือไม่ ถ้าจะพูดว่าหมอเรียน 6 ปีแล้วมาอยู่เป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะ 1 ปี แล้วลาออกเยอะ ก็เลยบังคับเรียน 7 ปี เพื่อให้ลาออกไม่ได้ ก็เหมือนกำปั้นทุบดิน เพราะท้ายที่สุดเขาก็จะไปลาออกในปีที่ 8 อยู่ดี ดังนั้น ถ้าหาต้นตอปัญหาไม่ได้ ก็จะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด แล้วจะไปบังคับเรียนต่อไป เพราะถ้าคนลาออกเลยบังคับเรียน 7 ปี ถ้ามีคนออกปีที่ 8 ก็จะบังคับให้เรียน 8 ปีหรือไม่ แล้วไปลาออกในปีที่ 9 แล้วไปบังคับให้เรียน 9 ปีหรือไม่ ผมคิดว่าการแก้ไขปัญหาจึงไม่สอดคล้องเท่าไร” นพ.วาโย กล่าว

นพ.วาโย กล่าวว่า ต้องกลับมาดูว่าข้อจำกัดของปัญหาอยู่ตรงไหน ทั้งบุคลากร งบประมาณ ซึ่งเรื่องนี้พรรคก้าวไกลเคยเสนอไปแล้ว หรือเรื่องข้อจำกัดของภาระงาน ที่เยอะขึ้นก็ต้องดูว่าจะแก้ไขอย่างไร ตนจึงไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ กำปั้นทุบดิน และย้อนกลับไปอดีต ตนไม่เชื่อว่าแก้ปัญหาได้จริง จึงต้องไปหาต้นตอปัญหาและแก้ไขให้ได้

เมื่อถามว่าหากต้องเรียนหมอ 7 ปีจะทำให้จำนวนคนอยากเรียนหมอลดลงหรือไม่ นพ.วาโย กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ เพราะแม้ปัจจุบันมีการลาออกมากขึ้น แต่สัดส่วนอัตราแข่งขันในการเข้าเรียนหมอยังสูงอยู่ ฉะนั้นทุกคนที่อยากเรียน รู้อยู่แล้วว่าเรียนหมอไม่ได้จบใน 6 ปี ยังต้องมีการเพิ่มพูนทักษะต่อ มีการชดใช้ทุนต่ออีก และมีการเรียนแพทย์เฉพาะทางต่อ หรือบางคนเรียนต่อในระดับปริญญาโท การเป็นแพทย์แทบจะเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต เราถึงใช้คำว่า practice of medicine (เวชปฏิบัติ) คือคนที่ประกอบวิชาชีพด้วยการปฏิบัติไปเรื่อยๆ ดังนั้น การเรียน 6-7-8 ปี ตนว่าไม่ทำให้ความฮอต หรือค่านิยมของการเป็นแพทย์ลดลง แต่ว่าไม่ใช่การแก้ไขปัญหา

เมื่อถามถึงมุมมองของแพทย์ในรุ่นเก่ากับรุ่นปัจจุบันต่างกันด้วยวิถีชีวิตและแนวความคิด นพ.วาโย กล่าวว่า ก็ต้องยอมรับ เพราะคนละรุ่นก็จะแตกต่างกัน จะเอาบรรทัดฐานของสังคมในยุคนี้ไปเปรียบเทียบกับยุค 100 ปีที่แล้ว คงไม่ได้ และด้วยไดนามิกของเจนเนเรชันเปลี่ยนแปลงทุกวัน หมอในกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ ก็จะมีค่านิยมแบบหนึ่ง หมอเจนวายอย่างตนก็มีค่านิยมแบบหนึ่ง

ปัจจุบันหมอก็เริ่มเป็นกลุ่มเจนแซดแล้ว ก็จะมีค่านิยมแบบหนึ่งที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องสมดุลการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Work life balance) ค่อนข้างมาก ดังนั้น กฎระเบียบที่มีอยู่เดิม เป็นการเขียนด้วยมนุษย์ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยยึดสภาพของสังคมตามความเป็นจริงที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามพลวัต เราจะบอกว่าคนในเจนเนเรชั่นไหนเป็นปัญหา คงไม่ถูกต้อง ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนแปลงระบบ กฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกับยุคสมัยเรื่อยๆ

 

ข่าวจาก : ข่าวสด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: