“ชัชชาติ”โชว์ผลงาน 1 ปีหลังรับตำแหน่ง เคลียร์หนี้ BTS ก้อนแรก 2 หมื่นล้าน





ภายหลังการเข้ารับหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ครบ 1 ปี ได้มีการหารือเพื่อติดตามการแก้ปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือ รถไฟฟ้า BTS และเป็นผู้รับจ้างเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย

ก่อนที่นายชัชชาติ ระเข้ารับตำแหน่งมีการเสียงถึงแนวทางการแก้ปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งส่วนที่ต้องจ่ายให้ BTS และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รวมถึงราคาค่าโดยสารที่ 59 บาท และการเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต เพื่อเป็นรายได้ของกรุงเทพมหานครที่จะใช้ชำระหนี้

ล่าสุดนายชัชชาติ ได้หารือกับผู้บริหาร BTS ถึงแนวทางการแก้ปัญหาการชำระหนี้ให้กับ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นปัญหาที่นำมาสู่การฟ้องร้องศาลปกครอง

นายชัชชาติ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า การหารือครั้งนี้เพื่อหาทางออกร่วมกันว่าจะมีแนวทางปฎิบัติมีความเป็นไปได้เกี่ยวกับการใช้หนี้ให้กับภาคเอกชนอย่างไรบ้าง เนื่องจากปัญหาสะสมมานาน และได้เห็นแล้วว่าภาคเอกชนต้องแบกรับต้นทุนจากการลงทุนให้บริการ ซึ่งโครงข่ายรถไฟฟ้าได้เปิดให้บริการและแก้ไขปัญหาการเดินทางของประชาชนจริง

กทม.ได้แบ่งปัญหาเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวไว้ 2 เรื่อง คือ

1. หนี้ที่เกิดจากค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง O&M (Operation and Maintenance) รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 (อ่อนนุช-แบริ่ง และสะพานตากสิน-บางหว้า) และส่วนต่อขยายช่วงที่ 2 (แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ซึ่งเรื่องนี้ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของศาลปกครองสุงสุดแล้ว

2. หนี้ที่เกิดจากค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) โดยก้อนหนี้ส่วนนี้ได้ครบกำหนดต้องชำระให้กับภาคเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาทราบว่าคณะกรรมการวิสามัญที่ผ่านมาประชุมแล้ว 5 ครั้ง ดังนั้นคาดว่าปัจจุบันจะมีรายละเอียดเพียงพอต่อการประกอบการพิจารณา หากเปิดการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยหน้า หรือราวต้นเดือน ก.ค.2566 จะสามารถนำเรื่องหนี้ E&M รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ครบกำหนดชำระเข้าสู่การพิจารณาของสภากรุงเทพมหานครได้

“ชัชชาติ”เสนอสภา กทม.จ่ายหนี้

“ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้เตรียมการเรื่องการชำระหนี้มาตลอด แต่ต้องชี้แจงว่ากระบวนการในการดำเนินการ อย่างเรื่องที่บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ไปจ้าง BTS เป็นผู้เดินรถไฟฟ้า เรื่องนี้ต้องขออนุมัติจากทางสภากรุงเทพมหานครก่อน และเรื่องการชำระเงินค่าจ้างให้แก่เอกชน ก็ต้องพิจารณานำเงินสะสมจ่ายขาดไปดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันมีคงเหลือ 4-5 หมื่นล้านบาท และเรื่องนี้ก็ต้องเสนอให้สภากรุงเทพมหาครพิจารณา” นายชัชชาติ กล่าว

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร จะดำเนินการแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวคู่ขนานใน 2 ทาง คือ

1.การนำเรื่องเสนอเข้าสภากรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการชำระหนี้ E&M ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วนี้ และสามารถเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครในสมัยหน้าได้ทันที

2.การติดตามเร่งรัดทางรัฐบาลในหลายประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งรวมถึงแนวทางเกี่ยวกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 44 ในเรื่องพิจารณามูลหนี้ต่อการทำสัญญาสัมปทานใหม่ โดยที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้ว

โยนรัฐบาลเคาะต่อสัมปทาน

โดยประเด็นที่ทวงถามไปยังรัฐบาล อาทิ

  • เรื่องที่ 1 อยากให้การสนับสนุนจากรัฐบาลสําหรับโครงสร้างพื้นฐานกับค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) เนื่องจากก่อนหน้านี้มีคำสั่ง มาตรา 44 มอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบในโครงการนี้ แต่ไม่ได้ให้ค่าใช้จ่ายมาด้วย ดังนั้น กรุงเทพมหานครต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนค่าจ้างส่วนนี้ และค่าโครงสร้างพื้นฐานเหมือนโครงการลงทุนอื่นๆ
  • เรื่องที่ 2 เรื่องที่ค้างอยู่ตาม มาตรา 44 เกี่ยวกับมูลหนี้ที่เกิดจากในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยก่อนหน้านี้คำสั่งดังกล่าวจะพิจารณาในเงื่อนไขให้สัญญาสัมปทานใหม่ ปัจุจบันกรุงเทพมหานคร ได้ทำหนังสือทวงถามถึงแนวทาง และมูลหนี้ที่เกิดขึ้นว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้เรื่องยังคงค้างอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่มีข้อยุติ ดังนั้นคงต้องสอบถามและเร่งรัดทาง ครม.ด้วยว่าจะพิจารณาอย่างไร

“เราก็เห็นใจทางเอกชนเพราะมีภาระหนี้ที่เยอะ BTS ก็เป็นตัวสำคัญที่ช่วยบรรเทาเรื่องการเดินทาง แต่ว่าเป็นระเบียบปฏิบัติซึ่งทั้งฝ่ายบริหารกับทางสภากรุงเทพมหานคร ก็เข้ามาหลังจากที่มีการดำเนินการไปแล้วนั้น ทำอย่างไรให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามในกรอบระเบียบที่กำหนด” นายชัชชาติ กล่าว

อ่านเพิ่มเติมที่ https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1073093

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: