20 มิถุนายน ที่กระทรวงคมนาคม นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงครั้งที่ 3/2566 กรณีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ด้วยการติดสติ๊กเกอร์บนรถบรรทุก ว่าเบื้องต้นคณะทำงานได้รายงานผลการลงพื้นที่ตรวจสถานีตรวจสอบน้ำหนักเพิ่มเติมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว 28 แห่ง พบว่าต้องติดตั้งเทคโนโลยีระบบตรวจสอบน้ำหนักยานพาหนะเคลื่อนที่ (WIM) ให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ขาดแคลนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การติดตามการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบของกรมทางหลวง (ทล.) เกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประเด็นบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในเรื่องสติ๊กเกอร์ส่วยรถบรรทุก ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำงาน ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยการประชุมครั้งหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ ทล. หลังจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยมาให้ข้อมูลกับกรมทางหลวงตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยสั่งการให้มารายงานว่ามีบุคลากรที่เกี่ยวข้องหรือต่อไป รวมทั้งการเร่งประชาสัมพันธ์การทำงานเกี่ยวกับตรวจสถานีตรวจสอบน้ำหนัก ซึ่งจะเป็นรูปแบบคลิปวิดีโอเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้ข้อมูลมากขึ้น
ส่วนกรณีการตั้งข้อสังเกตของประชาชนเกี่ยวกับการทำงานของกระทรวงคมนาคมล่าช้าเกี่ยวกับการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิด ซึ่งต่างจากตำรวจที่สามารถดำเนินการได้รวดเร็วนั้น ยอมรับว่าการทำงานของกระทรวงอาจมีความล่าช้ากว่าการทำงานของตำรวจ เพราะตำรวจมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวน สืบสวน และสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้รวดเร็ว แตกต่างจากกระทรวงที่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการ แต่ขณะนี้คณะทำงานของ ทล.อยู่ระหว่างทำงาน จึงไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้าน นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า การดำเนินการเรื่องติดตั้งระบบ WIM นั้น ทล.จะเร่งรัดการทำงานโดยขอจัดตั้งงบประมาณในปีนี้ ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่สถานีตรวจสอบน้ำหนักขาดแคลนนั้นจะเร่งแก้ไขและบรรจุพนักงานใหม่เพื่อให้รวดเร็วที่สุดในปีงบประมาณ 2567
ส่วนความคืบหน้าการนำระบบกล้องติดตัวเจ้าหน้าที่ (Body Camera) มาใช้ในการตรวจสอบน้ำหนักและตรวจสอบน้ำหนักเคลื่อนที่ (Spot Check) ของ ทล.และ ทช.นั้น ส่วนของ ทล.อยู่ระหว่างการกำหนดคุณสมบัติ (สเปก) ของกล้อง เพื่อทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับตำรวจทางหลวงได้
เบื้องต้นคาดว่าจะใช้กล้อง จำนวน 40-50 ตัว โดยใช้งบประมาณที่ได้จากจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินในปีงบประมาณ 2566 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565-ปัจจุบัน ที่มีงบประมาณแล้ว จำนวน 500,000 บาท ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2566
ทั้งนี้ หากกรมจัดหากล้องได้แล้วจะนำมาใช้ในพื้นที่ที่เหมาะสมก่อน อาทิ เส้นทางสายหลักที่มีสถิติการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินมากที่สุด และใช้ในส่วนกลาง ขณะที่ ทช.อยู่ระหว่างดำเนินการเบื้องต้นจัดหากล้องประมาณ 5-10 ตัว โดยใช้งบประมาณเหลือจ่ายในการดำเนินการ
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ