21 มิถุนายน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย(มท.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ข้าราชการพ้นจากราชการเพราะอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ (ครบเกษียณอายุ) ในสิ้นปีงบประมาณ 2566 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2566 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีข้าราชการพลเรือนสามัญที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และจะต้องพ้นจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ โดยเป็นผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย จำนวน 24 คน และตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (ระดับ 10 เดิม) ประเภทบริหารระดับต้น (ระดับ 9 เดิม) อำนวยการระดับสูง (ระดับ 9 เดิม) และระดับเชี่ยวชาญ (ระดับ 9 เดิม) ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และ 6 กรม ได้แก่ กรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชน กรมที่ดิน กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รวมจำนวน 227 คน
โดยตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ที่จะเกษียณอายุราชการ ได้แก่ อธิบดี 2 กรม คือ นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง(ปค.) และนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัด ได้แก่ นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร นายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่าที่ร้อยตรี ณรงค์ โรจนโสทร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดราชบุรี นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ นายสำรวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา
ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 5 ตำแหน่ง คือ นายคมสัน เจริญอาจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายปรีชา เดชพันธุ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายปรีชา ทองคำ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นางสาวสิริมา วัฒโน ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และตำแหน่งระดับทรงคุณวุฒิ 1 ตำแหน่ง คือ นายวราพงษ์ เกียรตินิยมรุ่ง นายช่างใหญ่ (ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมสำรวจ) กรมที่ดิน
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีข้าราชการตำแหน่งรองอธิบดี 1 ตำแหน่ง คือ นายอนวัช สุวรรณเดช รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 44 ตำแหน่ง อาทิ นายเจนเจตน์ เจนนาวิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายดนัย สุนันทารอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายทศพล สวัสดิสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นางพรเพชร เขมวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ นายกองเอก พุทธ กฤชคงพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางภัทราวดี สุทธิธนกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายสุเทพ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายอาวุธ วิเชียรฉาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายสุพจน์ ต่ออาจหาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายสุรศิษฐ์ อินทกรอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายบุญชัย สมใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายชนพหล ส่งเสริม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายสรสาสน์ สีเพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญที่ข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์และจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 นี้ ทุกท่านต่างมุ่งมั่นตั้งใจในการอุทิศกาย อุทิศตน และอุทิศกำลังสติปัญญาเพื่อประเทศชาติและประชาชน คือ การน้อมนำพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ได้พระราชทานเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2543 เนื่องในมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ความตอนหนึ่งว่า “…ความจริงหกสิบแล้ว ถึงแม้จะเป็นเวลาที่สมควรจะให้ผู้ที่มีอายุน้อยเข้ามาทำหน้าที่ของเขาบ้าง มีโอกาสทำหน้าที่ เราก็ยังเป็นกองหนุนที่คอยปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง…เรียกว่า เบรนแบงก์ (Brain Bank) ธนาคารมันสมอง…”
และ “…เรียกว่าคณะกลุ่มที่คอยจ้องดู เพ่งว่าจะทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้อย่างไรบ้าง คล้าย ๆ เป็นผู้ช่วยได้ เราจะคอยเพิ่งพิจารณาทุกเรื่องที่ต่อไปจะเป็นปัญหาที่น่าห่วงใยของประเทศ…” รวมทั้งพระราชดำรัสของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้พระราชทานเมื่อปี 2553 ที่จังหวัดนครนายก ใจความสำคัญว่า “แม้เราจะเกษียณอายุราชการแล้วแต่เราต้องไม่เกษียณจากการทำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม” ซึ่งทั้ง 2 พระองค์ทรงชี้แนะให้เห็นว่า ประเทศไทยมีข้าราชการบำนาญผู้เกษียณอายุราชการที่มีความรู้ ความสามารถจำนวนมาก เปรียบประดุจธนาคารมันสมอง กระจายอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ได้มุ่งมั่นในการอุทิศตนในฐานะ “ธนาคารมันสมอง” หรือ “ผู้ทรงคุณวุฒิ” ในการพัฒนาประเทศแบบองค์รวม ด้วยการสนับสนุนชุมชน ท้องถิ่น ประชาชน และภาคีเครือข่าย เพื่อร่วมกันพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเข้มแข็งของสังคมสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะสิ่งที่อยู่เบื้องหลังที่ทุกท่านทุกคนต้องตระหนักและใส่ใจ รวมทั้งเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อให้เกิดความผาสุกและความสงบร่มเย็น นั่นคือ “ประเทศชาติของเรา” เพื่อทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นต่อสังคมไทยของพวกเราทุกคนตลอดไป
สำหรับการสรรหาคัดเลือกข้าราชการเพื่อดำรงตำแหน่งทดแทนผู้เกษียณอายุราชการนั้น กระทรวงมหาดไทยจะได้ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการทำงาน ผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ ตลอดจนความเชื่อมั่นและการเสริมสร้างพลังความร่วมมือของพี่น้องประชาชนในการเสริมสร้างความผาสุกให้กับสังคมไทย เพื่อผนึกกำลังการทำงานของ “ทีมมหาดไทย” ที่มุ่งมั่นในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน อันจะยังประโยชน์ให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด นั่นคือ “คุณภาพชีวิตที่ดีและความสุขที่ยั่งยืนของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ